หน้าหลัก > แนะแนวคณะ-อาชีพ > แนะแนวคณะ > “เรียนหมอ” เรียนอะไรบ้าง? อยากเรียนหมอ ต้องเตรียมตัวยังไง?
“เรียนหมอ” เรียนอะไรบ้าง? อยากเรียนหมอ ต้องเตรียมตัวยังไง?

ถ้าพูดถึงคณะทางสายวิทย์สุขภาพ พี่เชื่อว่า “คณะแพทย์” คงจะเป็นหนึ่งในคณะในฝันของน้อง ๆ หลายคนเลยใช่ไหมม ซึ่งบางคนอาจจะค้นหาข้อมูลของคณะนี้มาเบื้องต้นแล้ว แต่บางคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่า การเรียนหมอนั้นที่จริงแล้วเป็นยังไง ?

วันนี้พี่เลยพารุ่นพี่คณะแพทย์ตัวจริงอย่าง “พี่พิม” มาช่วยตอบทุกข้อสงสัยของน้อง ๆ กับการเรียนหมอ เริ่มตั้งแต่
การค้นหาตัวเอง การเตรียมตัวสอบเข้า ทริคในการอ่านหนังสือสำหรับคนอยากเข้าคณะแพทย์ ไปจนถึงรีวิวชีวิต
การเรียนหมอ ถ้าอยากรู้แล้วว่าการเรียนหมอเป็นยังไง ไปคุยกับพี่พิมกันเลยดีกว่าาา ^__^

ค้นหาตัวเองก่อนตัดสินใจเรียนหมอ

แนะนำตัวเอง

สวัสดีน้อง ๆ ทุกคน พี่ชื่อ “พิม” ตอนมัธยมปลายเรียนสายวิทย์ – คณิต ปัจจุบันกำลังศึกษา คณะแพทยศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

รู้ตัวเองตอนไหนว่าอยากเรียนหมอ ?

หลายคนอาจจะบอกว่า อยากเป็นหมอ เพราะอยากรักษาคน ซึ่งจริง ๆ คำตอบนี้ไม่ใช่คำตอบที่สวยหรูเลยน้า มันเป็น
คำตอบจริง ๆ เรียกได้ว่าเป็นแก่นของการเป็นหมอเลย

ซึ่งของพี่เกิดจากตอนเด็ก ๆ คือ พี่เจอเพื่อนที่วิ่งเล่นด้วยกันแล้วตะปูตำเท้า แล้วตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไง ไม่มีความรู้อะไร
สักอย่าง ช่วยอะไรเพื่อนก็ไม่ได้ ก็เลยรู้สึกว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราต้องเรียนรู้และหาวิธีช่วยคนอื่นยังไง ทำให้พี่รู้สึกว่าอยากจะรักษาเขาให้ได้

มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พี่อยากที่จะมีความรู้ด้านนี้จริง ๆ และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ไม่ใช่แค่หาข้อมูลจากเว็บไซต์ทั่วไป ก็เลยตัดสินใจเลือกมาเรียนหมอนั่นเอง

เทคนิคการเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทย์

พี่เริ่มต้นตอนมัธยมปลาย ช่วงประมาณ ม.5 ก็เริ่มรู้ตัวเองแล้วว่า อยากเรียนหมอแน่ ๆ เลยเริ่มหาที่เรียนพิเศษ ถามเพื่อน ๆ ว่าที่ไหนดีบ้าง จากนั้นก็ลองทดลองเรียนคอร์สดูก่อนว่าตรงกับสไตล์ของตัวเองไหม แนะนำว่าอย่าไปเรียนตามคนอื่นอย่างเดียว พี่อยากให้น้อง ๆ ดูก่อนว่าสไตล์การสอนของที่ไหนเหมาะกับเราที่สุด หรือพอทดลองเรียนแล้ว เราเรียนรู้เรื่องหรือเปล่า เป็นต้น

ต่อมา คือ ทำข้อสอบเก่า อันนี้สำคัญมาก ๆ เพราะการทำข้อสอบเก่าจะช่วยให้รู้แนวโจทย์ต่าง ๆ มากขึ้น และทำให้รู้ว่าบางหัวข้อไม่จำเป็นต้องลงเนื้อหาลึก บางหัวข้อแทบจะไม่ต้องอ่านเลยก็ได้ ซึ่งพี่ว่าวิธีนี้ค่อนข้างเหมาะกับคนที่มีเวลาเตรียมตัวสอบน้อย เพราะจะโฟกัสกันได้ถูกจุดมากขึ้น 

พี่เชื่อว่าหลายคนมักไม่มั่นใจในการทำโจทย์ แต่อยากแนะนำว่า ทำให้สุดความสามารถเท่าที่จะทำได้ไปก่อน แล้วค่อยไปเปิดเฉลยดูว่า เราทำถูกผิดแค่ไหน ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ แนะนำให้ข้ามไปก่อน เพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นคะแนนที่เราหลอกตัวเองว่าทำได้

ซึ่งการดูเฉลย ก็เหมือนการที่เราเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จมาก่อน เพราะเป็นวิธีที่ถูกต้องที่เราสามารถทำได้ และไม่ผิดที่จะไปเรียนรู้ตามเขา อย่าไปกลัวว่า การดูเฉลยเป็นสิ่งที่ผิด ให้คิดว่า การดูเฉลยเป็นสิ่งที่ทำให้เรียนรู้ได้ถูกต้องมากกว่า ซึ่งหลังจากที่ดูเฉลยแล้ว ให้น้อง ๆ เอาโจทย์กลับมาทำใหม่อีกครั้ง จะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นนน

สอบเข้าคณะแพทย์ ใช้คะแนนอะไรบ้าง ?

ต้องบอกก่อนว่าพี่เป็น Dek61 ซึ่งตอนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยจะมีด้วยกันทั้งหมด 5 รอบ คือ Portfolio, Quota, รับตรงร่วมกัน, Admission และ รอบ Direct Admission ส่วนตัวพี่ติดเป็นรอบ กสพท 

*พี่ขอเสริมนิดนึงน้าา สำหรับการสอบในปัจจุบันจะแตกต่างกับของพี่พิมประมาณหนึ่ง โดยจะมีทั้งหมด 4 รอบด้วยกันคือ คือ รอบ 1 Portfolio , รอบ 2 Quota , รอบ 3 Admission (ซึ่ง กสพท ก็อยู่ในรอบนี้) และ รอบ 4 Direct Admission น้อง ๆ สามารถดูรายละเอียดหรือติดตามการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของทปอ. น้าา

และถ้าใครที่อยากจะสอบเข้าคณะแพทย์ หรือ 4 คณะสายหมอ กสพท ในปัจจุบันก็จะต้องสอบวิชา A-Level และ TPAT1 ด้วย ซึ่งจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 70% และ 30% เลยย

แต่พี่ขออธิบายดีเทลคร่าว ๆ ของสองวิชานี้สำหรับคนที่ยังไม่รู้น้าา เนื้อหา A-Level จะเป็นวิชาทั่วไปตาม
หลักสูตรม.ปลายที่มีสอนในโรงเรียน เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เป็นต้น จะแตกต่างกับ TPAT1

TPAT1 เป็นวิชาที่ไม่มีสอนในหลักสูตรของโรงเรียน ทำให้น้อง ๆ ที่ใฝ่ฝันอยากจะเข้าคณะกลุ่มหมออาจรู้สึกกังวลได้ว่าจะเตรียมตัวสอบไม่ถูก หรือไม่แน่ใจว่าควรเก็บเนื้อหาหรือฝึกทำโจทย์ยังไงถึงจะตรงจุดที่สุด ใครที่กำลังกังวลเรื่องนี้อยู่ วันนี้พี่มีตัวช่วยดี ๆ มาแนะนำอย่างคอร์สเตรียมสอบ TPAT1 ที่พี่สอนร่วมกับ อ.ขลุ่ย และพี่หมออู๋ ให้เลยยย

โดยคอร์สนี้จะสอนครบทุกพาร์ตของ TPAT1 ตั้งแต่ปูพื้นฐานเนื้อหา (คนที่ไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้) พาตะลุยโจทย์หลายระดับแบบจัดเต็ม พร้อมบอกเทคนิคและแนวคิดในการทำข้อสอบแต่ละพาร์ตที่จะช่วยให้น้อง ๆ ทำข้อสอบได้ทันเวลา และเพิ่มโอกาสในการอัปคะแนนอีกด้วย

แนะนำให้เริ่มเตรียมสอบกันตั้งแต่ตอนนี้เลย น้อง ๆ จะได้มีเวลาทบทวนเนื้อหาและฝึกทำโจทย์ให้พร้อมยิ่งขึ้น และที่สำคัญ ถ้าสมัครคอร์ส TPAT1 ตั้งแต่ตอนนี้ พี่มี Unseen Mock Test ชุดพิเศษ 1 ชุด แถมไปให้พร้อมสิทธิพิเศษประจำเดือนอีกมากมายด้วยน้า ถ้าน้อง ๆ คนไหนสนใจคอร์ส TPAT1 สามารถ คลิก เข้ามาดูรายละเอียดได้เลยย

แชร์วิธีแบ่งเวลาอ่านหนังสือสอบเข้าหมอ

ตอนที่พี่เริ่มรู้แล้วว่าจะต้องเตรียมตัวสอบหมอ ประมาณช่วง ม.5 พี่ก็จะทยอยอ่านสะสมมาเรื่อย ๆ โดยจะอ่านทีละวิชา เริ่มมีการทำข้อสอบเก่าต่าง ๆ ควบคู่กันไป โดยจะใช้วิธีจดลงไปในปฏิทินว่า วันนี้อ่านวิชาอะไรบ้าง อ่านไปแล้วกี่ชั่วโมง
พี่ว่าวิธีนี้ช่วยจัดสรรเวลาของเราได้ดีมาก น้อง ๆ ลองเอาไปปรับใช้ดูกันได้เลยยย

แล้วพอใกล้ช่วงสอบมากขึ้น ประมาณ ม.6 ก็จะเปลี่ยนการอ่านหนังสือใหม่อีกครั้ง เป็นการสร้างตารางเวลา โดยลิสต์ว่า จะอ่านวิชาอะไรบ้าง พอจบแต่ละวันก็จะมาดูตัวเองว่า ทำได้ตรงตามเป้าหมายไหม ทำไม่ได้เพราะอะไร เนื้อหายากเกินไป
รึเปล่า หรือเราไม่ไหวจริง ๆ กับบทนั้น ควรตัดทิ้งไปเลยดีไหม นี่ถือเป็นเทคนิคที่ดีที่ทำให้พี่เอาตัวรอดช่วงสอบมาได้ มากกว่าการเก็บเนื้อหายังไงให้ครบทุกเรื่องอีกก

ซึ่งพี่จะแบ่งเวลาพักให้กับตัวเองด้วย เช่น อ่าน 1 ชั่วโมง พัก 15 นาที อ่านต่ออีก 1.30 ชั่วโมง พัก 15 นาที และถ้าอ่านหนังสือติดต่อกันมา 4 วันแล้ว พี่ก็จะหาเวลาพักให้ตัวเอง 1 วัน ขอย้ำเลยยย ว่าต้องพักผ่อนกันด้วย เพราะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการเตรียมตัวสอบ

อย่าไปกังวลว่าการพักจะทำให้เสียเวลาในการอ่านหนังสือ เพราะถ้าฝืนมาก ๆ ร่างกายและสมองเราจะไม่ไหวก่อนได้ ซึ่งการพักผ่อนจะช่วยให้รู้สึกว่า การอ่านหนังสือไม่ใช่เรื่องที่เหนื่อยจนเกินไปและช่วยลดความท้อแท้ในการอ่านหนังสือ
ได้ด้วยยย

มีวิธีจัดการกับความเครียด ความกดดันช่วงสอบยังไง ?

การอ่านหนังสือติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ แบบไม่มีเวลาพักไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ ทุกคนควรที่จะจัดสรรเวลาให้ตัวเองได้พักบ้าง เพราะเวลาเราอ่านหนังสือเป็นเวลานาน ๆ ร่างกายจะสร้างความเครียดที่มันค่อย ๆ สะสมขึ้นมา จนทำให้การอ่านหนังสือมีประสิทธิภาพน้อยลงด้วย 

ดังนั้นพี่จะแบ่งชัดเจนเลยว่า วันที่อ่านหนังสือ จะพักช่วงไหน พักกี่นาที กี่ชั่วโมง แต่ช่วงเวลาที่พักก็จะให้ตัวเองพักแบบไม่ต้องกังวลอะไรเลย ให้ร่างกายได้พักจริง ๆ และเมื่อหมดเวลาพักแล้ว ก็ต้องพร้อมกลับมาสู้ต่อ กลับมาอ่านใหม่
ได้อย่างเต็มที่ด้วย !!

รีวิวชีวิตการเรียนหมอ

เรียนหมอกี่ปี แต่ละปี เรียนอะไรบ้าง ?

หมอจะเรียนทั้งหมด 6 ปี พี่ขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ปี 1-3 เรียนในห้องเรียน และ ปี 4-6 เรียนในโรงพยาบาล โดยปีแรกจะเรียนเกี่ยวกับวิชากลุ่มวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เช่น เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ รวมถึงวิชาภาษาอังกฤษ และภาษาไทย และจะมาเริ่มเนื้อหาแพทย์ตอนปี 2 เป็นต้นไป ซึ่งจะเรียนเกี่ยวกับความปกติของร่างกาย ศึกษาว่าร่างกายของเรามีระบบอะไรบ้าง และ
ปี 3 จะเรียนเกี่ยวกับความผิดปกติของร่างกาย 

ส่วนปี 4-6 เป็นการเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งวอร์ดหลักที่เรียนตอนปี 4 ก็จะแบ่งเป็น 4 วอร์ด โดยเขาจะเรียกเป็นชื่อย่อว่า ‘สู ศัลย์ เมด เด็ก’ นั่นเอง 

(ขอแถมนิดนึงง ใครอยากรู้แบบเจาะลึกมากกว่านี้ว่าการเรียนหมอตลอด 6 ปีเป็นยังไง พี่แนะนำให้ลองอ่านบทความ
คณะแพทย์ เรียนอะไร? มีสาขาไหนบ้าง? เลยน้าา บอกเลยว่าข้อมูลแน่นมาก > <)

 

นักศึกษาแพทย์ สอบกันยังไง ?

พี่ขอเล่าย้อนกลับไปตอนปี 1 ซึ่งการสอบเหมือนตอนมัธยมปลายเลย คือ เรียนทีเดียวหลาย ๆ วิชา แล้วจะสอบเป็น Midterm และ Final

แต่ตอน ปี 2 เป็นต้นไป จะเรียนทีละ 1 วิชา หรือที่เขาเรียกกันว่า ‘1 บล็อค’ เพราะฉะนั้นเรียนจบ 1 วิชาก็จะสอบทันที
เรียกว่า การสอบเป็นบล็อค ๆ ไป แต่ถ้าวิชาไหนมีเนื้อหาเยอะ เขาก็จะแบ่งสอบเป็น ครึ่งบล็อค หรือ สอบท้ายบล็อค
อะไรประมาณนี้

เรียนหมอ ต้องใช้ทุนไหม ? ใช้ทุนกี่ปี ?

การใช้ทุน คือ การที่เราไปเป็นแพทย์ตามโรงพยาบาลที่สุ่มจับได้นั่นเองง โดยอาจจะต้องมีการสุ่มเวียนไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ของแต่ละจังหวัดอีกที โดยในการเรียนหมอทุกคนจำเป็นต้องมีการใช้ทุน เนื่องจากมีการระบุในสัญญาตั้งแต่วันแรกที่เราเซ็นชื่อเข้ามาเลย

แต่สำหรับใครที่ไม่อยากใช้ทุนเลย ก็ทำได้เหมือนกันน้า โดยจะต้องจ่ายเงินที่รัฐช่วยสนับสนุนค่าการเรียนต่าง ๆ ตามสัญญาที่อยู่ในตอนแรก ซึ่งปกติจะมีการใช้ทุนทั้งหมด 3 ปี แต่สำหรับคนที่อยากเรียนต่อทันที ก็จะสามารถเลือกได้เช่นกัน เช่น วอร์ดศัลยกรรม ต้องการแพทย์เร็ว เขาก็จะลดการใช้ทุนของเรา และถ้าจะเรียนต่อเป็นศัลยแพทย์เลย เขาจะให้ใช้ทุนแค่ 1-2 ปี จากปกติ 3 ปีนั่นเองงง

เรียนหมอต้องเก่งวิชาอะไร ? ไม่เก่งเรียนหมอได้ไหม ?

สำหรับใครที่อยากเป็นหมอ วิชาพื้นฐานสำคัญที่จะต้องมีเลย คือ ชีววิทยา เพราะการเรียนหมอจริง ๆ เนื้อหาจะอัปเกรดมากขึ้นกว่าตอนมัธยมปลายเยอะเลย และอีกวิชาที่สำคัญมาก คือ ภาษาอังกฤษ เพราะการอ่านหนังสือสอบ การทำรายงานส่งอาจารย์ก็จะต้องอ้างอิงเอกสารที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดเลย รวมถึงการสอบต่าง ๆ ดังนั้นถ้ามีพื้นฐานที่แน่นก็จะช่วยในการเรียนได้ดีและเข้าใจเนื้อหาได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นนน

ส่วนวิชาอื่น ๆ จะได้เรียนทั้งหมดอยู่แล้วในตอนปี 1 ซี่งก็จะเป็นการเรียนเนื้อหาพื้นฐานของมัธยมปลายเป็นหลัก แต่พอเราเรียนในชั้นสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ ฟิสิกส์จะไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร คณิตศาสตร์อาจจะมีใช้บ้างเล็กน้อย แต่ในส่วนของสูตร
การคำนวณต่าง ๆ อาจจะไม่เคยเจอมาก่อน เช่น พวก diff ไม่เจอเลย 

ส่วนเคมี ยังจำเป็นต้องใช้เพราะต้องเรียนในส่วนของยาว่า โครงสร้างของยาแต่ละชนิดเป็นยังไง ยาเจอกับภาวะกรดเบสในกระเพาะแล้วจะเป็นยังไง เป็นต้น

หมอเรียนหนักไหม มีเทคนิคการเรียนยังไงบ้าง ?

ถามว่าเรียนหมอหนักไหม ตอบเลยว่า เรียนหนักมาก ๆ เพราะเป็นเนื้อหาใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อน แล้วก็มีเวลาในการเรียนค่อนข้างน้อยเลย อีกอย่างคือ แต่ละบล็อคที่เรียนก็จะมีเวลาเพียง 3-4 อาทิตย์เท่านั้น โดยเฉพาะในอาทิตย์ช่วงสอบ
จะต้องอ่านหนังสือกันหนักมาก ๆ 

ส่วนเทคนิคในการเรียน พี่แนะนำให้หาวิธีการเรียนรู้ของตัวเองให้เจอว่า เราถนัดแบบไหน เช่น การอ่านในใจ การดูภาพ การติวกับเพื่อน การเขียน short note หรือการวาดภาพด้วยตนเอง ถ้ารู้วิธีในการเรียนรู้ จดจำ และทำความเข้าใจของตัวเองแล้ว ก็จะช่วยให้การอ่านหนังสือมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดระยะเวลาในอ่านหนังสืออีกด้วยยย

หลังจากนั้นให้มาจัดตารางชีวิตตัวเองก่อนว่า วันนี้เรียนจบมาแล้วควรทบทวนบทไหนถึงจะเพียงพอ ซึ่งพี่ขอย้ำว่าจะต้องบาลานซ์ชีวิตให้ดี อย่าละเลยการพักผ่อนให้เพียงพอและออกไปหาความสุขให้กับตัวเองด้วยน้า

มีอะไรอยากฝากถึงน้อง ๆ ที่กำลังสนใจคณะแพทย์ไหม ?

สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากเรียนหมอ แต่กังวลใจว่า หนูกลัวเลือด หนูกลัวผี เรียนหมอได้ไหม พอได้เข้าไปเรียนแล้วจะรู้เลยว่า เรามาเพื่อศึกษา ไม่ได้มาเพื่อเจอสิ่งที่น่ากลัว ดังนั้นเราจะสามารถต่อสู้กับความกลัวในใจได้ ถ้าอยากเรียนหมอจริง ๆ ก็เข้ามาเลย สู้ให้เต็มที่ !!

และสำหรับคนที่ยังรู้สึกลังเลอยู่ว่า ตัวเองชอบจริงไหม พี่อยากให้ลองไป Open House เพื่อค้นหาตัวเองดูก่อน ที่จริงมีค่ายของคณะแพทย์มากมายเลย เพราะการเรียนหมอมันหนัก ถ้ามาด้วยใจที่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ มันทรมานมากเหมือนกัน
ยิ่งถ้าได้ทำในสิ่งที่ไม่ได้ชอบ แล้วเรียนหนักอีก ก็อาจจะทำให้น้อง ๆ ยิ่งท้อจนหมดกำลังใจไปได้เลยล่ะ

พี่อยากให้น้อง ๆ สู้ในสิ่งที่ตัวเองชอบมากกว่า การเรียนหมอไม่ใช่ทุกอย่างและไม่ใช่ตัวกำหนดว่า เราจะประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะการทำอาชีพอื่นก็มีทุกอย่างได้เหมือนกัน หาในสิ่งที่ตัวเองชอบให้เจอ ถ้าใครที่คิดว่า หมอนี่แหละคือคำตอบที่ตามหา ก็ลุยกับมันให้เต็มที่ แม้มันจะยากแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหน แต่ถ้าใจเราชอบ เราจะสู้ต่อได้แน่นอน

สุดท้ายนี้ขอเสริมจากประสบการณ์ส่วนตัวที่อยากจะฝากน้อง ๆ เลยว่า ตอนมัธยมปลาย พี่ก็เคยคิดว่าสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ได้ก็สบายแล้ว ขอแค่เรียนให้จบก็พอ แต่พอเข้ามายืนอยู่จุดนี้จริง ๆ แล้ว การจะเรียนให้จบก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเหมือนกัน

การเรียนหมอมันจะยากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ ปี 1-6 พอเราเรียนจบแล้ว ความรับผิดชอบต่าง ๆ ย่อมมากกว่าการเป็นนักศึกษาแพทย์แน่นอน การเป็นหมอมันไม่ได้สบายอย่างที่คิด แต่ถ้าใจเรารักในการทำบางสิ่งและยังมีความสนุกอยู่ ก็จะทำให้เราไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนั้น เพราะฉะนั้นหาทางของตัวเองให้เจอและลุยให้เต็มที่ พี่เป็นกำลังใจให้ทุกคน สู้ ๆ

ถือว่าจัดเต็มมาก ๆ สำหรับการรีวิวของพี่พิม รุ่นพี่จากคณะแพทย์คนเก่งของเรา ซึ่งคงทำให้ทุกคนเข้าใจชีวิตการเรียนหมอมากขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมม แต่ถ้าใครรู้สึกว่า อยากหาข้อมูลเกี่ยวกับคณะแพทย์เพิ่ม หรืออยากรู้จักชีวิตการเป็นหมอให้มากขึ้น ตั้งแต่เตรียมตัวสอบไปจนถึงชีวิตการทำงาน ใช้ทุน และเรียนต่อ พี่ก็มีบทสัมภาษณ์ของพี่หมออู๋ด้วยน้าา
ในบทความนี้ >> รีวิวชีวิตของการเป็นแพทย์ ถ้าน้อง ๆ สนใจก็แวะไปอ่านกันได้เลยย > <

ดูคลิปรีวิว คณะแพทยศาสตร์

ดูคลิปรีวิวคณะอื่น ๆ ได้ที่ Youtube : SmartMathPro

บทความ แนะนำ

บทความ แนะนำ

TPAT1 กสพท คืออะไร สอบอะไรบ้าง
TPAT1 กสพท 69 คืออะไร มีอะไรบ้าง แจกคลิปติวและแนวข้อสอบฟรี
เตรียมสอบ TPAT1 กสพท ยังไงดี
Dek69 เตรียมสอบ TPAT1 กสพท ยังไง แจกเทคนิคทำข้อสอบพร้อมคลิปติวฟรี
เจาะลึกข้อสอบ TPAT1 กสพท เชาวน์ปัญญา
สรุปข้อสอบความถนัดแพทย์ TPAT1 เชาวน์ปัญญา + พาตะลุยโจทย์
สรุปข้อสอบ กสพท TPAT1 จริยธรรมแพทย์
ข้อสอบ TPAT1 จริยธรรมแพทย์ กสพท (ความถนัดแพทย์) พร้อมแนวข้อสอบ
สรุปเนื้อหา TPAT1 กสพท พาร์ตเชื่อมโยง
ข้อสอบ TPAT1 เชื่อมโยง กสพท (ความถนัดแพทย์) พร้อมแนวข้อสอบ
คณะแพทย์ เรียนอะไรบ้างใน 6 ปี
คณะแพทย์ เรียนอะไร? มีสาขาไหนบ้าง? สรุปทุกคำถามที่คนอยากเรียนแพทย์ควรรู้
รีวิวการเรียนคณะแพทย์
รีวิวคณะแพทย์ ตั้งแต่เตรียมสอบจนทำงานเป็นแพทย์ ต้องเจออะไร?

พี่เตย ทีมบทความ SmartMathPro
ป.ตรี คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ม.มหิดล
พี่สาวที่ชื่นชอบการเล่าเรื่องต่าง ๆ ในวงการการศึกษา ทั้งอัปเดตข่าวสารมหาลัยฯ
แนะนำคณะ – อาชีพ และอื่น ๆ อีกเพียบที่พี่พร้อมจัดให้ทุกคนได้อ่านกันแบบจุก ๆ !

พี่เตย ทีมบทความ SmartMathPro
ป.ตรี คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ม.มหิดล
พี่สาวที่ชื่นชอบการเล่าเรื่องต่าง ๆ ในวงการการศึกษา ทั้งอัปเดตข่าวสารมหาลัยฯ แนะนำคณะ – อาชีพ และอื่น ๆ อีกเพียบที่พี่พร้อมจัดให้ทุกคนได้อ่านกันแบบจุก ๆ !

สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงติดตามข่าวสารต่าง ๆ ที่อัปเดตอย่างเรียลไทม์ ได้ที่

Line : @smartmathpronews

FB : Pan SmartMathPro ติวคณิต By พี่ปั้น 

IG : pan_smartmathpro

X : @PanSmartMathPro

Tiktok : @pan_smartmathpro

Lemon8 : @pan_smartmathpro

Share