“เรียนหมอ” เรียนอะไรบ้าง? อยากเรียนหมอ ต้องเตรียมตัวยังไง?

“เรียนหมอ” เรียนอะไรบ้าง? อยากเรียนหมอ ต้องเตรียมตัวยังไง?

วันนี้พี่ๆ ทีมงาน SMP NEWS จะพาทุกคนไปส่องคณะที่มีการขอกันเข้ามาเยอะมากๆ ซึ่งก็เป็นคณะยอดฮิตในกลุ่มของน้องๆ ที่สนใจสายวิทยาศาสตร์สุขภาพด้วยก็คือ “คณะแพทยศาสตร์” หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “หมอ” นั่นเอง และส่องชีวิตการเรียนหมอ แบบเปิดหมดไม่มีกั๊ก พร้อมกับเทคนิคการเตรียมตัวสอบหมออีกมากมาย กับ “พี่พิม” รุ่นพี่
คณะแพทยศาสตร์คนเก่งของเรานะคะ น้องๆ พร้อมกันรึยังเอ่ย?  ถ้าพร้อมแล้ว … ไปลุยกันเลยค่ะ^_^

สวัสดีค่ะน้องๆ ทุกคน เราชื่อ “พิม” นะคะ ตอนมัธยมปลายเรียนสายวิทย์ – คณิต ปัจจุบันกำลังศึกษา คณะแพทยศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงค่ะ

สนใจหัวข้อไหน ... กดอ่านเลย

Section 1 : ค้นหาตัวเอง

รู้ตัวเองตอนไหนว่าอยากเรียนหมอ ?

หลายคนอาจจะบอกว่า อยากเป็นหมอ เพราะอยากรักษาคน ซึ่งจริงๆ คำตอบนี้ไม่ใช่คำตอบที่สวยหรูนะ มันเป็นคำตอบจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นแก่นของการเป็นหมอเลยค่ะ

ซึ่งของเราเกิดจากตอนเด็กๆ คือ เราเจอเพื่อนที่วิ่งเล่นด้วยกันแล้วตะปูตำเท้า แล้วตอนนั้น เราไม่รู้จะทำยังไง ไม่มีความรู้อะไรสักอย่าง ช่วยอะไรเพื่อนก็ไม่ได้ เราก็เลยรู้สึกว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราต้องเรียนรู้และหาวิธีช่วยคนอื่นยังไง
ทำให้เรารู้สึกว่าอยากจะรักษาเขาให้ได้

มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราอยากที่จะมีความรู้ด้านนี้จริงๆ และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้จริงๆ ไม่ใช่แค่หาข้อมูลจากเว็บไซต์ทั่วไป ก็เลยตัดสินใจเลือกมาเรียนหมอค่ะ

เทคนิคการเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทย์

เราเริ่มต้นตอนมัธยมปลาย ช่วงประมาณ ม.5 ก็เริ่มรู้ตัวเองแล้วว่า อยากเรียนหมอแน่ๆ เลยเริ่มหาที่เรียนพิเศษ
ถามเพื่อนๆ ว่าที่ไหนดีบ้าง จากนั้นก็ลองทดลองเรียนคอร์สดูก่อนว่าตรงกับสไตล์ของตัวเองไหม อย่าไปเรียนตามคนอื่นอย่างเดียวนะคะ  เราต้องดูด้วยว่า มันเหมาะกับเราไหม เราเรียนแล้วรู้เรื่องหรือเปล่า

ต่อมา คือ ทำข้อสอบเก่า อันนี้สำคัญมากๆ เพราะการทำข้อสอบเก่าจะช่วยให้เรารู้แนวโจทย์ต่างๆ มากขึ้น ทำให้รู้ว่า
บางหัวข้อเราไม่จำเป็นต้องลงเนื้อหาลึก บางหัวข้อแทบจะไม่ต้องอ่านเลยก็ได้ ซึ่งก็จะช่วยสำหรับคนที่มีเวลาอ่านน้อยได้ค่ะ โดยเราก็จะต้องโฟกัสให้ถูกจุดมากยิ่งขึ้น แล้วก็อย่ากลัวในการฝึกฝนทำข้อสอบเก่าและแบบฝึกหัดนะคะ

เราเชื่อเลยว่า หลายๆ คนจะมีความไม่มั่นใจในการทำโจทย์ แต่อยากแนะนำว่า ให้เราทำให้สุดความสามารถเท่าที่เราจะทำได้ไปก่อนค่ะ แล้วค่อยไปเปิดเฉลยดูว่า เราถูกผิดแค่ไหน ทำไม่ได้อย่ามั่ว เพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นคะแนนที่หลอกลวงตัวเองว่า ฉันทำได้

ซึ่งการที่เราดูเฉลย ก็เหมือนการที่เราเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จมาก่อน เพราะมันเป็นวิธีที่ถูกต้องที่เราสามารถทำได้ และไม่ผิดที่เราจะไปเรียนรู้ตามเขา อย่าไปกลัวว่า การดูเฉลยเป็นสิ่งที่ผิด ให้คิดว่า การดูเฉลยเป็นสิ่งที่ทำให้เราเรียนรู้ได้ถูกต้องมากกว่าค่ะ แต่พอเราดูเฉลยแล้ว ไม่ใช่ว่าปล่อยผ่านไปเลยนะคะ เพราะอย่างนั้นเราก็จะไม่ได้นำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สำหรับตัวเอง ดังนั้นเราต้องเอาโจทย์กลับมาทำเองใหม่อีกครั้ง เราจะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

สอบเข้าคณะแพทย์ ใช้คะแนนอะไรบ้าง ?

เราเป็น Dek61 นะคะ ตอนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยจะมีด้วยกันทั้งหมด 5 รอบ คือ Portfolio , Quota , รับตรงร่วมกัน , Admission และ รอบ Direct Admission ค่ะ ส่วนตัวเราจะติดเป็นรอบที่ 3 กสพท นะคะ

พี่ๆ ทีมงานขอเสริมนิดนึงนะคะ สำหรับ TCAS67 จะมี 4 รอบ คือ Portfolio , Quota , Admission ( กสพท จะถูกจัดให้อยู่ในรอบนี้) และ Direct Admission ส่วนรายละเอียดข้อมูลต่างๆ ทุกคนต้องติดตามประกาศเพิ่มเติมนะคะ

เริ่มติว TPAT1 ตอนนี้ยังไม่สาย !!

ติว(แหก)โค้งสุดท้าย ด้วยคอร์ส Full Set MED ติว TPAT1 ครบทั้ง 3 พาร์ท พร้อมเทคนิคทำข้อสอบให้ทันเวลา และพาตะลุยโจทย์จัดเต็ม พร้อมสอบได้ใน 66 ชั่วโมง (แถมฟรี Unseen Mock Test อีก 1 ชุด)

สมัครคอร์ส คลิกเลย

แชร์วิธีแบ่งเวลาอ่านหนังสือสอบเข้าหมอ

ตอนที่เราเริ่มรู้แล้วว่าจะต้องเตรียมตัวสอบหมอ ประมาณช่วง ม.5 เราก็จะทยอยอ่านสะสมมาเรื่อยๆ โดยจะอ่านทีละวิชา เริ่มมีการทำข้อสอบเก่าต่างๆ ควบคู่กันไป โดยเราจะใช้วิธีจดลงไปในตารางปฏิทินว่า วันนี้เราอ่านวิชาอะไรบ้าง อ่านไปแล้วกี่ชั่วโมง เป็นวิธีที่ช่วยจัดสรรเวลาในการอ่านหนังสือได้ดีมากเลยค่ะ 

แล้วพอช่วงใกล้สอบมากขึ้น ประมาณ ม.6 ก็จะเปลี่ยนการอ่านหนังสือใหม่อีกครั้ง เป็นการสร้างตารางเวลา โดยลิสต์ว่า เราจะอ่านวิชาอะไรบ้าง พอจบแต่ละวันเราก็จะมาดูตัวเองว่า ทำได้ตรงตามเป้าหมายไหม ทำไม่ได้เพราะอะไร เนื้อหายากเกินไปรึเปล่า หรือเราไม่ไหวจริงๆ กับบทนั้น ควรตัดทิ้งไปเลยดีไหม นี่ถือเป็นเทคนิคที่ดีที่ทำให้เราเอาตัวรอดช่วงสอบมาได้ มากกว่าการอ่านอย่างไรให้ครบอีกนะคะ

ซึ่งเราจะแบ่งให้มีเวลาพักกับตัวเองด้วย เช่น อ่าน 1 ชั่วโมง พัก 15 นาที อ่านต่ออีก 1.30 ชั่วโมง พัก 15 นาที และถ้าเราอ่านหนังสือติดต่อกันมา 4 วันแล้ว เราก็จะหาเวลาพักให้ตัวเอง 1 วัน เพราะสิ่งที่สำคัญมากๆ เลยคือ การพักผ่อน

อย่าไปกังวลว่าการพักจะทำให้เสียเวลาในการอ่านหนังสือ เพราะถ้าเราฝืนมากๆ ร่างกายและสมองเราจะไม่ไหวก่อนได้นะคะ ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้เรารู้สึกว่า การอ่านหนังสือไม่ใช่เรื่องที่เหนื่อยจนเกินไปและช่วยลดความท้อแท้ในการอ่านหนังสือได้ด้วยค่ะ

มีวิธีจัดการกับความเครียด ความกดดันช่วงสอบยังไง ?

การอ่านหนังสือติดต่อกันเป็นเวลานานๆ แบบไม่มีเวลาพักไม่ใช่สิ่งที่ควรทำนะคะ  แต่เราควรที่จะจัดสรรเวลาให้ตัวเองได้พักบ้าง เพราะ เวลาเราอ่านหนังสือเป็นเวลานานๆ ร่างกายจะสร้างความเครียดที่มันค่อยๆ สะสมขึ้นมา จนทำให้
การอ่านหนังสือของเรามีประสิทธิภาพน้อยลงด้วย 

ดังนั้นเราจะแบ่งชัดเจนเลยค่ะว่า วันที่อ่านหนังสือ จะพักช่วงไหน พักกี่นาที กี่ชั่วโมง แต่ช่วงเวลาที่พัก เราก็จะให้ตัวเองพักแบบไม่ต้องกังวลอะไรเลย ให้ร่างกายได้พักจริงๆ และเมื่อหมดเวลาพักแล้ว เราก็ต้องพร้อมกลับมาสู้ต่อ กลับมาอ่านใหม่อย่างเต็มที่ด้วยนะคะ

Section 2 : ชีวิตการเรียนหมอ

เรียนหมอกี่ปี แต่ละปี เรียนอะไรบ้าง ?

หมอจะเรียนทั้งหมด 6 ปี เราขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วนน้า คือ ปี 1-3 เรียนในห้องเรียน และ ปี 4-6 เรียนในโรงพยาบาลค่ะ โดยปีแรกจะเรียนเกี่ยวกับวิชากลุ่มวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เช่น เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ รวมถึงวิชาภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
เราจะมาเริ่มเนื้อหาแพทย์ตอนปี 2 เป็นต้นไป ซึ่งจะเรียนเกี่ยวกับความปกติของร่างกาย ศึกษาว่าร่างกายของเรามีระบบอะไรบ้าง และปี 3 จะเรียนเกี่ยวกับความผิดปกติของร่างกาย 

ส่วนปี 4-6 เป็นการเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งวอร์ดหลักๆ ที่เราเรียนตอนปีที่ 4 ก็จะแบ่งเป็น 4 วอร์ด โดยเขาจะเรียกย่อกันว่า ‘สู ศัลย์ เมด เด็ก’ นั่นเองค่ะ

 

ทำความรู้จักกับคณะแพทยศาสตร์ให้มากขึ้น !

ใครอยากเจาะลึกว่าคณะแพทย์เรียนเกี่ยวกับอะไร ? คณะแพทย์มีที่ไหน ? อยากเรียนแพทย์ต้องสอบอะไรบ้าง ? สามารถคลิกลิงก์อ่านบทความด้านล่างนี้เลย
พี่ๆ ทีมงานรวบรวมทุกคำถามเกี่ยวกับคณะแพทย์ให้ทุกคนเรียบร้อยแล้วว

อ่านบทความ คลิก

นักศึกษาแพทย์ สอบกันอย่างไร ?

เราขออนุญาตเล่าย้อนกลับไปตอนปี 1 ก่อนนะคะ ปี 1 จะเป็นการสอบเหมือนตอนมัธยมปลายเลยค่ะ คือ เรียนทีเดียวหลายๆ วิชา แล้วจะสอบเป็น Midterm และ Final แต่ตอน ปี 2 เป็นต้นไป เราก็จะเรียนทีละ 1 วิชา หรือที่เขาเรียกกันว่า
‘1 บล็อค’ เพราะฉะนั้นเรียนจบ 1 วิชาเราก็จะสอบทันที เรียกว่า การสอบเป็นบล็อคๆ ไป แต่ถ้าวิชาไหนมีเนื้อหาเยอะ
เขาก็จะแบ่งสอบเป็น ครึ่งบล็อค หรือ สอบท้ายบล็อค อะไรประมาณนี้ค่ะ

เรียนหมอ ต้องใช้ทุนไหม ? ใช้ทุนกี่ปี ?

การใช้ทุน คือ การที่เราไปเป็นแพทย์ตามโรงพยาบาลที่เราสุ่มจับได้นั่นเอง โดยอาจจะต้องมีการสุ่มเวียนไปตาม
โรงพยาบาลต่างๆ ของแต่ละจังหวัดอีกทีนะคะ โดยในการเรียนหมอทุกคนจำเป็นต้องมีการใช้ทุน เนื่องจากมีการระบุ
ในสัญญาตั้งแต่วันแรกที่เราเซ็นชื่อเข้ามาเลยค่ะ

แต่สำหรับใครที่ไม่อยากใช้ทุนเลย ก็ทำได้เหมือนกันนะคะ โดยจะต้องจ่ายเงินที่รัฐช่วยสนับสนุนค่าการเรียนต่างๆ ตามในสัญญาที่อยู่ในตอนแรกเช่นเดียวกัน ซึ่งปกติจะมีการใช้ทุนทั้งหมด 3 ปี แต่สำหรับคนที่อยากเรียนต่อทันที ก็จะสามารถเลือกได้ค่ะ เช่น วอร์ดศัลยกรรม ต้องการแพทย์เร็ว เขาก็จะลดการใช้ทุนของเรา และถ้าจะเรียนต่อเป็นศัลยแพทย์เลย
เขาจะให้ใช้ทุนแค่ 1-2 ปี จากปกติ 3 ปีค่ะ 

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตการเป็นหมอเพิ่มเติม คลิกเลยย >> รีวิวชีวิตของการเป็นแพทย์ ตั้งแต่เริ่มเตรียมตัวสอบ จนทำงานเป็นแพทย์ ต้องเจออะไรบ้าง ?

เรียนหมอต้องเก่งวิชาอะไร ? ไม่เก่งเรียนหมอได้ไหม ?

สำหรับน้องๆ ที่อยากเป็นหมอ วิชาพื้นฐานสำคัญที่จะต้องมีเลยนะคะ คือ ชีววิทยา เพราะในการเรียนหมอจริงๆ เนื้อหาจะอัปเกรดมากขึ้นกว่าตอนมัธยมปลายเยอะเลยค่ะ และอีกวิชาที่สำคัญมากๆ เลย คือ ภาษาอังกฤษ  เพราะในการอ่านหนังสือสอบ การทำรายงานส่งอาจารย์  เราก็จะต้องอ้างอิงเอกสารที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดเลย รวมถึงการสอบต่างๆ ดังนั้นถ้าเรามีพื้นฐานที่แน่นก็จะช่วยในการเรียนได้ดีและเข้าใจเนื้อหาได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

ส่วนวิชาอื่นๆ ตอนปี 1 เราจะได้เรียนทั้งหมดอยู่แล้ว ซี่งก็จะมีการเรียนพื้นฐานของมัธยมปลายเป็นหลักเลย
แต่พอเราเรียนในชั้นสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ฟิสิกส์จะไม่ค่อยได้ใช้เท่าไรนะคะ  คณิตศาสตร์อาจจะมีใช้บ้างเล็กน้อย
ในส่วนของสูตรการคำนวณต่างๆ ที่เราอาจจะไม่เคยเจอมาก่อน เช่น พวก diff ไม่เจอเลยค่ะ ส่วนเคมี ยังจำเป็นต้องใช้เพราะเราต้องเรียนในส่วนของยาว่า ยามีโครงสร้างอย่างไร ยาเจอกับภาวะกรดเบสในกระเพาะแล้วจะเป็นอย่างไร เป็นต้น

หมอเรียนหนักไหม มีเทคนิคการเรียนอย่างไรบ้าง ?

ถามว่าเรียนหมอหนักไหม ตอบเลยว่า เรียนหนักค่ะ เพราะเป็นเนื้อหาใหม่ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน แล้วก็มีเวลาในการศึกษาค่อนข้างน้อยเลย อีกอย่างคือ แต่ละบล็อคที่เราเรียนก็จะมีเวลาเพียง 3-4 อาทิตย์เท่านั้น โดยเฉพาะในอาทิตย์ช่วงสอบ
จะต้องอ่านหนังสือกันหนักมากๆ เลยค่ะ

ส่วนเทคนิคในการเรียน เราจะต้องหาวิธีการเรียนรู้ของเราให้เจอค่ะว่า เราถนัดแบบไหน เช่น การอ่านในใจ การดูภาพ
การติวกับเพื่อน การเขียน short note หรือการวาดภาพด้วยตนเอง ถ้าเรารู้วิธีในการเรียนรู้ จดจำ และทำความเข้าใจของเราเจอแล้ว ก็จะช่วยให้การอ่านหนังสือของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดระยะเวลาในอ่านของเราอีกด้วยนะ

หลังจากนั้นให้เรามาจัดตารางชีวิตตัวเองก่อนว่า วันนี้เรียนจบมาแล้ว เราควรทบทวนบทไหนถึงจะเพียงพอ โดยเราก็จะต้องบาลานซ์ชีวิตให้ดี อย่าละเลยการพักผ่อนให้เพียงพอและออกไปหาความสุขให้กับตัวเองด้วยนะคะ 

มีอะไรอยากฝากถึงน้องๆ ที่กำลังสนใจคณะแพทย์ไหม ?

สำหรับน้องๆ ที่กำลังสนใจอยากเรียนหมอ แต่กังวลใจว่า หนูกลัวเลือด หนูกลัวผี เรียนหมอได้ไหม พอเราได้เข้าไปเรียนจริงๆ เราจะรู้เลยว่า เรามาเพื่อศึกษา ไม่ได้มาเพื่อเจอสิ่งที่น่ากลัว ดังนั้นเราจะสามารถต่อสู้กับความกลัวในใจเราได้
อย่ากลัวไปก่อน ถ้าอยากเรียนหมอจริงๆ ก็เข้ามาเลย สู้ให้เต็มที่นะคะ

และสำหรับน้องๆ คนไหนที่ยังรู้สึกลังเลอยู่ว่า ตัวเองชอบจริงไหม หรือไม่ได้ชอบตรงนี้เลยแต่โดนบังคับให้เลือกคณะนี้   
เราอยากให้ลองไป Open House เพื่อค้นหาตัวเองดูก่อน จริงๆ มีค่ายของคณะแพทย์มากมายเลยนะคะ
เพราะการเรียนหมอมันหนักนะ ถ้าเรามาด้วยใจที่ครึ่งๆ กลางๆ มันทรมานมากเหมือนกันนะคะ ยิ่งถ้าเราได้ทำ
ในสิ่งที่ไม่ได้ชอบ แล้วเรียนหนักมากๆ อีก ก็อาจจะทำให้เรายิ่งท้อจนหมดกำลังใจไปได้เลยละค่ะ

เราอยากให้น้องๆ สู้ในสิ่งที่ตัวเองชอบมากกว่า การเรียนหมอไม่ใช่ทุกอย่างและไม่ใช่ตัวกำหนดชี้วัดว่า เราจะประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะการทำอาชีพอื่นก็มีทุกอย่างได้เหมือนกัน หาในสิ่งที่ตัวเองชอบให้เจอ ถ้าใครที่คิดว่า หมอนี่แหละคือคำตอบที่เราตามหา ก็ลุยกับมันให้เต็มที่ แม้มันจะยากแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหน แต่ถ้าใจเราชอบ เราจะสู้ต่อได้แน่นอนค่ะ

สุดท้ายนี้ขอเสริมจากประสบการณ์ส่วนตัวที่อยากจะฝากน้องๆ เลยนะคะว่า ตอนมัธยมปลาย เราก็เคยคิดว่า
สอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ได้ก็สบายแล้ว ขอแค่เรียนให้จบก็พอ แต่พอเข้ามายืนอยู่จุดนี้จริงๆแล้ว การจะเรียนให้จบก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเหมือนกันค่ะ >_< 

การเรียนหมอมันจะค่อยๆ ยากขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ ปี 1-6 พอเราเรียนจบแล้ว ความรับผิดชอบต่างๆ มันย่อมมากกว่าการเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่แล้ว การเป็นหมอมันไม่ได้สบายอย่างที่คิด แต่ถ้าใจเรารักในการทำบางสิ่งและยังมีความสนุกอยู่
 ก็จะทำให้เราไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนั้น เพราะฉะนั้นหาทางของตัวเองให้เจอและลุยให้เต็มที่ เราเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ สู้ๆ

ถือว่าจัดเต็มมากๆ สำหรับการรีวิวของพี่พิม รุ่นพี่จากคณะแพทยศาสตร์คนเก่งของเรา แต่ถ้าใครรู้สึกว่ายังอยากอ่านบทความเกี่ยวกับการเรียนหมอเพิ่มอีก สามารถแวะไปอ่าน บทความของพี่หมออู๋และบทความสรุปคำถามที่คนอยาก
เรียนแพทย์ควรรู้ ได้น้าา พี่ๆ ทีมงานรวบรวมทุกคำตอบแบบครบเลยย ห้ามพลาดเด็ดขาดน้าทุกคนนน 

ดูคลิปรีวิว คณะแพทยศาสตร์

ดูคลิปรีวิวคณะอื่นๆ ได้ที่ Youtube : SmartMathPro

คอร์สเรียน แนะนำ

บทความ แนะนำ

สำหรับน้องๆ ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ Line : @smartmathpronews

รวมถึงข่าวสารต่างๆ อัปเดตอย่างเรียลไทม์

IG : pan_smartmathpro

Twitter : @PanSmartMathPro

Share