หน้าหลัก > แนะแนวคณะ-อาชีพ > แนะแนวคณะ > รีวิวคณะแพทย์ ตั้งแต่เตรียมสอบจนทำงานเป็นแพทย์ ต้องเจออะไร?
รีวิวการเรียนคณะแพทย์

ไหนใครอยากเข้าคณะแพทย์บ้าง ขอเสียงหน่อยย พี่ว่าคงมีหลายคนเลยที่ฝันอยากจะเป็นแพทย์มาตั้งแต่เด็กและกำลังตั้งเป้าหมายที่จะเข้าคณะแพทย์กันอยู่แน่นอน วันนี้พี่เลยจะพาทุกคนไปลงลึกถึงชีวิตแพทย์ให้มากยิ่งขึ้นที่ไม่ใช่แค่การเรียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชีวิตการทำงานในฐานะแพทย์ ผ่านประสบการณ์จากแพทย์ตัวจริงเสียงจริงอย่าง “พี่หมออู๋” ติวเตอร์สอน TPAT1 กสพท พาร์ตจริยธรรมของเรานั่นเองงง

ใครที่อยากรู้แล้วว่าชีวิตการเรียนและการทำงานของแพทย์นั้นเป็นยังไง จะสนุกหรือมีเรื่องให้ท้าทายแค่ไหน และเราควรจะเรียนคณะนี้ดีไหม มาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้กันเลยยย

แนะนำตัวเอง

สวัสดีครับน้อง ๆ ทุกคน พี่ชื่อหมออู๋ นพ.พสิษฐ์ อัศวธนบดีนะครับ พี่เรียนจบจากคณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น และจบเฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าครับ

จุดเริ่มต้นของการอยากเรียนคณะแพทย์

ครอบครัวของพี่เป็นแพทย์ครับ พี่ก็จะเห็นการทำงานของแพทย์มาตลอด ทั้งการทำงานในโรงพยาบาลและทำงาน
ในคลินิก พอพี่มีโอกาสได้คลุกคลีกับอาชีพแพทย์มาก ๆ เลยทำให้คิดว่าเมื่อโตขึ้นพี่ก็อยากจะเป็นแพทย์บ้าง แต่จริง ๆ
มันก็รวมกับค่านิยมของสังคมไทยด้วย เพราะเด็กที่เรียนเก่งก็มักจะมีตัวเลือกในการทำงานไม่ค่อยเยอะ หลัก ๆ ก็จะมีแพทย์ ทันตแพทย์ วิศวะ แต่ถ้าใครที่เก่งมาก ๆ ก็จะมีทางเลือกเพิ่ม เช่น สอบชิงทุน สอบ ก.พ. หรือสอบไปเรียน
ต่างประเทศ

พาร์ตการเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทย์

ถ้าถามว่าการเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทย์ในยุคของพี่กับยุคปัจจุบันมันต่างกันเยอะไหม ? สิ่งแรกที่เปลี่ยนไปแบบ
เห็นได้ชัดคือ ชื่อข้อสอบ เพราะสมัยพี่ยังใช้ การสอบวิชาเฉพาะ, O-NET, A-NET อยู่เลย

ซึ่งสมัยนี้กลายเป็น A-Level และ TPAT1 ความถนัดแพทย์ไปแล้ว แต่จริง ๆ วิชาที่ใช้สอบก็คล้ายกันเกือบหมด และเนื้อหา
ที่นำมาออกสอบก็ยังเหมือนเดิม สัดส่วนคะแนนแต่ละวิชาก็คล้ายเดิม พี่เลยคิดว่าการเตรียมตัวสอบคงไม่ได้แตกต่างกันทุกคนที่จะเข้าคณะแพทย์ก็ยังต้องอ่านหนังสือหนักหมือนเดิม (และอาจจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปีเพราะการแข่งขันสูงมาก)

สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่มีคณะแพทย์เป็นเป้าหมาย อยากเริ่มเตรียมตัวก่อนใคร แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มเตรียมสอบยังไง

TPAT1 เป็นวิชาที่ไม่มีสอนในหลักสูตรของโรงเรียน ทำให้น้อง ๆ ที่ใฝ่ฝันอยากจะเข้าคณะกลุ่มหมออาจรู้สึกกังวลได้ว่าจะเตรียมตัวสอบไม่ถูก หรือไม่แน่ใจว่าควรเก็บเนื้อหาหรือฝึกทำโจทย์ยังไงถึงจะตรงจุดที่สุด ใครที่กำลังกังวลเรื่องนี้อยู่ วันนี้พี่มีตัวช่วยดี ๆ มาแนะนำอย่างคอร์สเตรียมสอบ TPAT1 ที่พี่สอนร่วมกับ อ.ขลุ่ย และพี่หมออู๋ ให้เลยยย

โดยคอร์สนี้จะสอนครบทุกพาร์ตของ TPAT1 ตั้งแต่ปูพื้นฐานเนื้อหา (คนที่ไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้) พาตะลุยโจทย์หลายระดับแบบจัดเต็ม พร้อมบอกเทคนิคและแนวคิดในการทำข้อสอบแต่ละพาร์ตที่จะช่วยให้น้อง ๆ ทำข้อสอบได้ทันเวลา และเพิ่มโอกาสในการอัปคะแนนอีกด้วย

แนะนำให้เริ่มเตรียมสอบกันตั้งแต่ตอนนี้เลย น้อง ๆ จะได้มีเวลาทบทวนเนื้อหาและฝึกทำโจทย์ให้พร้อมยิ่งขึ้น และที่สำคัญ ถ้าสมัครคอร์ส TPAT1 ตั้งแต่ตอนนี้ พี่มี Unseen Mock Test ชุดพิเศษ 1 ชุด แถมไปให้พร้อมสิทธิพิเศษประจำเดือนอีกมากมายด้วยน้า ถ้าน้อง ๆ คนไหนสนใจคอร์ส TPAT1 สามารถ คลิก เข้ามาดูรายละเอียดได้เลยย

พี่หมออู๋เตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทย์หนักแค่ไหน ?

พี่เริ่มเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ ตั้งแต่ ม.3 ขึ้น ม.4 (พี่รู้ตัวเองค่อนข้างเร็วว่าอยากทำอาชีพอะไร) ซึ่งเริ่มจากการเรียนล่วงหน้าก่อน เช่น ช่วงปิดเทอมที่เตรียมขึ้น ม.4 พี่ก็จะเรียนเนื้อหาของ ม.4 ล่วงหน้าให้หมด ทำแบบนี้ทุก ๆ ปี และพอพี่
ขึ้นม.6 ก็เท่ากับว่าพี่เก็บเนื้อหาที่โรงเรียนล่วงหน้าไปครบหมดแล้ว ดังนั้นก็จะมีเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยฯ ทีนี้ก็ตะลุยโจทย์จัดเต็ม และเลือกเรียนเฉพาะวิชาที่อยากเสริมให้แม่นขึ้น

ถ้าถามว่าทำไมพี่ถึงต้องเตรียมตัวหนักมากขนาดนี้ ? ก่อนอื่นอยากจะบอกน้อง ๆ ทุกคนว่าการเตรียมตัวสอบแพทย์
มันหนักตั้งแต่เริ่มและจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าใครยังไม่เห็นภาพ อยากให้ลองคิดว่าในหนึ่งปีจะมีคนอยากสอบเข้าแพทย์ กสพท หลายหมื่นคน แต่คนที่สอบเข้าแพทย์ กสพท ได้จริง ๆ มีแค่ 2,000 กว่าคนต่อปี ด้วยการแข่งขันที่สูงขนาดนี้พี่คิดว่าถ้าไม่เตรียมตัวให้ดี ๆ ตั้งแต่เริ่ม ก็มีโอกาสที่คณะในฝันอาจจะหลุดมือได้เลย

คณะแพทย์ 6 ปีเรียนอะไรบ้าง ?

รู้เส้นทางการเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทย์ของพี่หมออู๋กันไปแล้ว พาร์ตต่อไปที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ ชีวิตการเป็นนักเรียนแพทย์ ที่พี่หมออู๋จะเล่าให้ฟังทั้งเนื้อหาที่คนอยากเรียนแพทย์ต้องเจอ และบรรยากาศในห้องเรียน ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว
ก็ไปอ่านกันนน

คณะแพทย์ เรียนอะไรบ้าง ?

ภาพรวมการเรียนคณะแพทย์แต่ละที่จะมีความคล้ายกันเพราะถูกกำหนดโดยแพทยสภาแล้วว่านักศึกษาแพทย์ทุกคน
จะต้องเรียนอะไรบ้าง แต่ก็มีบางส่วนที่แตกต่างกันซึ่งจะขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบัน อย่างการจัดลำดับของวิชาและวอร์ดต่าง ๆ 

ซึ่งปี 1 จะเรียนวิชาทั่วไป เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และได้เรียนรวมกับคณะอื่น ๆ ด้วย ส่วนปี 2, ปี  3 เน้นการเรียนเลคเชอร์และ Lab ซึ่งจะลงลึกเกี่ยวกับการเป็นแพทย์มากขึ้น 

และชั้นปี 4-6 เป็นช่วงเวลาที่น้อง ๆ จะได้เรียนรู้การทำงานในโรงพยาบาล ซึ่งทุกคนจะได้ดูแลคนไข้ ราวน์วอร์ดผู้ป่วยใน
ดูแลและตรวจผู้ป่วยนอก รวมถึงการอยู่เวรด้วย 

นี่เป็นการอธิบายการเรียนในคณะแพทย์ตลอด 6 ปีแบบคร่าว ๆ เท่านั้นน้าา ถ้าใครอยากลงลึกเนื้อหาแต่ละปีว่าเรียน
เกี่ยวกับอะไร มีมหาลัยฯ ไหนเปิดคณะแพทย์บ้าง ก็สามารถเข้าไปอ่านบทความ คณะแพทย์ เรียนอะไร ได้เลยน้าา

บรรยากาศการเรียนแพทย์เป็นยังไงบ้าง ?​

หลายคนอาจจะกังวลว่าถ้าเข้าไปเรียนแล้ว น้อง ๆ อาจจะเจอแต่คนเก่ง จนทำให้บรรยากาศการเรียนไม่ค่อยชิว
มีแต่ความเครียดหรือเปล่า ? ถ้าตอบตามความเป็นจริง คือ พี่คิดว่ามันก็เหมือนสังคมทั่วไป ที่จะมีคนเก่งมาก คนขยัน
คนนั่งหน้าห้อง คนนั่งหลังห้อง แต่พี่คิดว่าสังคมในคณะแพทย์เป็นสังคมที่ค่อนข้างดี เพราะทุกคนก็จะช่วยกันเรียน
แลกเปลี่ยนสรุปซึ่งกันและกัน บางทีรุ่นพี่ก็ช่วยติวให้รุ่นน้อง อย่างตอนนี้ พี่ก็เรียนจบมานานมากแล้ว แต่ถ้ามีปัญหา
ก็ยังปรึกษากับเพื่อน ๆ และรุ่นพี่เหมือนเดิมเลย

จริง ๆ อยากแนะนำน้อง ๆ ทุกคนว่าถ้าสอบติดและเข้าไปเรียนได้แล้ว ก็ให้เลือกตำแหน่งที่น้อง ๆ อยากจะเป็นให้ดี ไม่ว่าจะนั่งเรียนหน้าห้องหรือหลังห้องก็ได้หมด ที่สำคัญคืออยากให้ใช้ชีวิตด้วยเหมือนกัน ถ้าตอนไหนไม่ได้อยู่ในห้องเรียน
อาจจะออกไปทำกิจกรรมอย่างอื่น อยู่ที่ตัวของน้อง ๆ เองว่าจะใช้ชีวิตแบบไหนหรือจัดการกับชีวิตของตัวเองยังไง
ให้ตัวเราเองไม่เครียดกับการเรียนมากจนเกินไป 

เรียนจบคณะแพทย์แล้วสบายจริงไหม ?

ได้รู้ทั้งวิธีการเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทย์ รวมถึงชีวิตการเป็นนักเรียนแพทย์ไปแล้ว แต่เนื้อหายังไม่หมดเท่านี้น้าา ต่อไปจะเข้าสู่พาร์ตการทำงานจริงในฐานะคุณหมอกันแล้วว ซึ่งบอกเลยว่าเนื้อหาพาร์ตนี้เข้มข้นมากกก เพราะมาจากประสบการณ์จริงของพี่หมออู๋ ใครที่อยากหาคำตอบว่าการทำงานของแพทย์จะเป็นยังไง ? จะรวยจริงไหม ? แล้วหลังเรียนจบสามารถไปต่อทางไหนได้บ้าง ? ก็อ่านหัวข้อถัดไปกันเลยย

พาร์ตการทำงานเป็นแพทย์ / ใช้ทุนคืน 3 ปี / เรียนต่อเฉพาะทาง

เมื่อเรียนจบแล้ว แพทย์จบใหม่หรือที่เรียกกันว่า Intern ก็จะต้องใช้ทุนคืน (การทำงานให้กับหน่วยงานของรัฐเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี แต่ก็จะได้เงินเดือนตามปกติ) ซึ่งพี่ก็ได้สรุปทางเลือกเกี่ยวกับการใช้ทุนมาทั้งหมด 3 ข้อ

1. ลาออก

อันนี้พี่ไม่ได้พูดเล่นน้าา มันเป็นเรื่องจริงง เพราะหลายคนเรียนแพทย์มา 6 ปี แล้วไม่ชอบการทำงานในโรงพยาบาลรัฐ
เลยตัดสินใจลาออกแล้วไปทำอย่างอื่นแทน เช่น ทำงานในโรงพยาบาลเอกชน ทำธุรกิจที่บ้าน เปิดคลินิก ซึ่งถ้าใคร
จะลาออก ก็จะต้องใช้เงินคืนให้รัฐด้วย ปัจจุบันคิดว่าน่าจะประมาณล้านกว่าบาทแล้ว (สมัยพี่หมออู๋ประมาณ 4 แสนบาท)

และถ้าใครคิดจะลาออก อาจจะส่งผลต่อการเรียนต่อเฉพาะทาง เพราะการเรียนต่อจะมีข้อกำหนดว่าต้อง
ผ่านการเพิ่มพูนทักษะอย่างน้อย 1 ปี ดังนั้นใครวางแผนจะเรียนต่อเฉพาะทางก็อาจจะโดนตัดโอกาสไปเลยทันที T_T

2. แพทย์สังกัดกระทรวงสาธารณสุข

เป็นทางที่คนส่วนใหญ่เลือกมากกว่า 90% และต้องใช้ทุนคืนเป็นระยะเวลาทั้งหมด 3 ปี ซึ่งจะต้องจับฉลากเลือกพื้นที่
แต่บางคนก็มีเงื่อนไขที่กำหนดมาแล้ว เช่น แพทย์ที่มาจากโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท ต้องกลับไปใช้ทุน
ตามพื้นที่ที่สมัคร โดย 3 ปีที่ใช้ทุนก็จะแตกต่างกันตามนี้ 

  • ปี 1 (Internship) เป็นช่วงเพิ่มพูนทักษะ ซึ่งทุกคนจะได้ทำงานเหมือนแพทย์จริง ๆ อย่าง การตรวจคนไข้หรืออยู่เวร แต่ก็จะมีอาจารย์หมอหรือพี่ staff คอยดูแลและสอนสิ่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม โดยปีนี้จะทำงานในโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลใหญ่ของจังหวัดนั้น  ๆ 
  • ปี 2-3 ส่วนใหญ่จะย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลชุมชน และอาจจะไม่มีคนคอยดูแลแล้ว

ซึ่งแพทย์ใช้ทุนจะต้องตรวจเอง รักษาเอง หรือทำเรื่องส่งคนไข้เข้าโรงพยาบาลใหญ่ และถ้าโรงพยาบาลไหนที่มีแพทย์แค่ 1-2 คน ก็ต้องสลับกันอยู่เวรด้วย

ขอแอบเล่าถึงความหนักของการเข้าเวรของแพทย์นิดหนึ่ง ตอนพี่เรียนจบใหม่ ๆ แล้วได้ไปเพิ่มพูนทักษะที่โรงพยาบาลจังหวัดแห่งหนึ่ง พี่ต้องอยู่เวร 15 ครั้งต่อเดือน และถ้าแผนกนั้นยุ่งมาก ๆ ก็แทบจะไม่ได้นอนเลย ความโหดคือ
เช้าวันถัดมาก็ต้องทำงานต่อเหมือนเดิม แต่มันก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยน้า ถ้าโรงพยาบาลนั้นมีแพทย์เยอะหน่อย
ก็จะไม่อยู่เวรหนักแบบพี่นั่นเอง

3. แพทย์ไม่ใช่สังกัดกระทรวงสาธารณสุข

เป็นแพทย์ของหน่วยงานรัฐอื่น ๆ แต่ว่าไม่ใช่กระทรวงสาธารณสุข เช่น แพทย์ทหาร แพทย์ตำรวจ แพทย์สังกัดกทม. หรือเป็นอาจารย์แพทย์ในมหาลัยฯ ก็นับเป็นการใช้ทุนคืนเหมือนกัน

หลังจากใช้ทุนครบ 3 ปีแล้ว เส้นทางต่อไปของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน บางคนเลือกเป็นหมอทั่วไปที่บ้านเกิดตนเอง หรือบางคนก็วางแผนเรื่องการเรียนต่อเฉพาะทาง ซึ่งระยะเวลาในการเรียนก็จะแตกต่างกันไป เช่น หมออายุรกรรม
หมอศัลยกรรมจะเรียนต่ออีก 4 ปี หรือใครอยากเรียนเฉพาะทางเกี่ยวกับศัลยกรรมระบบประสาทก็จะเรียนทั้งหมด 5 ปี 

และถ้าใครขอทุนไปเรียนต่อเฉพาะทางแล้ว ก็ต้องกลับมาใช้ทุนให้เท่ากับเวลาที่เรียนไปอีกรอบ นอกจากนั้น
ยังมีการเรียนเฉพาะในเฉพาะอีก เช่น พี่เรียนอายุรกรรม ก็สามารถเลือกเรียนเฉพาะอวัยวะได้ พูดตรง ๆ เลยว่าการเรียนแพทย์ไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ

Q&A การเรียนคณะแพทย์และการทำงานเป็นแพทย์

ได้รู้จักชีวิตของคนเป็นแพทย์ตั้งแต่เตรียมสอบเข้าจนถึงการทำงานไปแล้ว พี่ว่าน้อง ๆ คงจะได้ข้อมูลกันไปแบบจัดเต็มกันเลยใช่ไหมม แต่เท่านี้ก็ยังไม่หมดน้าา เพราะวันนี้พี่หมออู๋เตรียมมาตอบคำถามที่น้อง ๆ หลายคนอาจจะสงสัยกันอยู่ด้วย จะมีคำถามอะไรบ้าง เลื่อนลงไปอ่านกันได้เลยย

Q : เรียนหมอแล้วรวยจริงไหม ?

เอาเป็นว่าพี่ก็จะบอกตัวเลขให้น้อง ๆ ลองไปคิดต่อดูว่าเงินเดือนมันเยอะจริงไหม ? ถ้าเทียบกับหน้าที่ ความหนักของ
การทำงาน อย่างช่วงที่พี่เป็นแพทย์จบใหม่ พี่ได้เงินเดือนประมาณ 20,000 บาท + เงินพิเศษ 10,000 บาท + เบี้ยเลี้ยงพิเศษประมาณ 40,00-50,000 บาทต่อเดือน + ค่าเวรต่อเดือน (ขึ้นอยู่กับต้นสังกัด) ประมาณ 30,000-40,000 บาท

รวมทั้งหมด 80,000 บาทต่อเดือน ตัวเลขเหมือนจะเยอะ เพราะชั่วโมงการทำงานของหมอมันเยอะมาก ที่พี่เคยเล่าว่า
ต้องอยู่เวร 15 วันต่อเดือน (แทบจะไม่ได้นอนเลย บางทีก็อดนอนต่อกัน 48 ชั่วโมง)

และถ้าใครคิดว่าเรียนจบเฉพาะทางจะต้องเงินเดือนสูงมาก จริง ๆ พี่ขอใช้คำว่าสูงขึ้น ไม่ได้สูงมากขนาดนั้น ยกเว้นว่า
น้อง ๆ จะเลือกไปทำงานโรงพยาบาลเอกชน อันนี้เงินเดือนก็จะเยอะกว่าอยู่โรงพยาบาลรัฐอยู่แล้ว

เงินเดือนแพทย์จบใหม่หลังเรียนจบคณะแพทย์

Q : พาร์ตที่ยากที่สุดและพาร์ตที่ดีที่สุดในการเรียนแพทย์คืออะไร ?

A : สิ่งที่ยากที่สุดในการเรียนแพทย์ก็คือ การสอบเข้าแพทย์ เพราะการแข่งขันสูงมาก น้อง ๆ ต้องใช้ความพยายามมากกว่าจะเข้ามาเรียนได้ ถึงแม้ระหว่างทางมันจะเครียดและเหนื่อย แต่ถ้าสอบติดแล้ว น้อง ๆ ก็จะได้มาเจอกับสังคมที่ช่วยกันเรียน สำหรับพี่คิดว่ามันค่อนข้างคุ้มค่า 

ส่วนพาร์ตที่ดีที่สุดในการเรียนหมอ คือ เมื่อมีคนใกล้ตัวหรือคนในครอบครัวป่วย พี่จะรู้ทันทีว่าต้องทำอะไรต่อ ? ต้องรักษาแบบไหน ? หรือต้องปรึกษาใครเกี่ยวกับอาการนี้ นอกจากนั้นการที่เห็นคนไข้ที่อยู่ภายใต้การดูแลของพี่ มีอาการดีขึ้นหรือหายจากการเจ็บป่วย ก็เป็นอีกจุดที่ทำให้พี่มีความสุขกับการเป็นแพทย์

Q : ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวไปไกลมาก ๆ คิดว่า AI สามารถแทนที่แพทย์ได้ไหม ?

A : การเป็นแพทย์ต้องมีคุณสมบัติ 2 อย่าง อย่างแรกคือต้องมีความรู้ ส่วนอย่างที่ 2 คือต้องมีความเป็นมนุษย์
ซึ่งแน่นอนว่า AI สามารถแทนที่ในส่วนของความรู้ได้ เพราะ AI มีความแม่นยำและเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้ทั้งหมด 

แต่สิ่งที่ AI ไม่สามารถทำหน้าที่แทนหมอได้ คือ ความเป็นมนุษย์ ดังนั้นพี่คิดว่าหมอจำเป็นต้องอยู่กับ AI ให้เป็นและ
ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ให้ได้เยอะ ๆ มากกว่า

Q : คนที่อยากเรียนแพทย์ จะต้องมีนิสัย / คุณสมบัติ / ความถนัด ยังไงบ้าง ?

A : ต้องรู้จักอาชีพแพทย์ก่อน ว่าอาชีพนี้ต้องทำอะไร ? ต้องเจอกับอะไร ? เหนื่อยแค่ไหน ? และต้องยอมรับกับสิ่งที่จะต้องเจอในอนาคตให้ได้ ถ้ารู้สึกว่าไม่โอเคกับสิ่งเหล่านี้ น้อง ๆ อาจจะเดินในเส้นทางของการเป็นแพทย์ค่อนข้างยาก
ถ้าให้สรุปเลย พี่คิดว่ามีทัศนคติที่ดี สอบเข้าได้ แล้วก็ร่างกายไหว ก็สามารถเป็นแพทย์ได้ครับ

Q : อยากให้แชร์เรื่องที่คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับแพทย์ ?

A : เรียนจบแพทย์แล้วสบายครับ 55555 ช่วงที่สบายสุดคือช่วงเรียน 6 ปี เพราะน้อง ๆ จะมีเวลาได้พักผ่อนมากกว่า
ตอนเรียนจบ เพราะยิ่งเป็นแพทย์ก็ยิ่งเหนื่อยขึ้นเรื่อย ๆ ครับ 

ส่วนอีกข้อ คือ เป็นแพทย์แล้วรวย พี่ขอใช้คำว่าเป็นแพทย์แล้วมั่นคงมากกว่า เพราะเป็นอาชีพที่ตลาดต้องการ และโอกาสตกงานแทบจะเป็นศูนย์ แต่ก็ยังคงยืนยันว่าเป็นแพทย์แล้วไม่ได้รวยครับ

พออ่านจบแล้วรู้สึกว่าพี่หมออู๋เล่าแบบจัดเต็ม ไม่มีกั๊กทั้งเรื่องเรียนและเรื่องทำงาน สำหรับใครอ่านบทความนี้
แล้วรู้สึกว่าการเป็นแพทย์คือทางของเราแบบ 100% พี่ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับการเตรียมสอบเข้าคณะแพทย์ แต่ถ้าใครอ่านแล้วรู้สึกลังเลหรือไม่แน่ใจว่าจะไปต่อทางนี้ไหวไหม ? ก็ค่อย ๆ ตัดสินใจน้าา ลองชั่งน้ำหนักดูว่า การเป็นแพทย์สำหรับน้อง ๆ ดีหรือไม่ดียังไงบ้าง ชอบเนื้องานจริง ๆ ไหม 

เพราะที่จริงในโลกของการทำงานยังมีอาชีพอีกมากมายให้ทุกคนได้เลือกเป็นอีกเพียบเลยยย และบางเส้นทางอาจเป็นทางที่น้อง ๆ ชอบและรู้สึกว่าใช่กว่าการเรียนแพทย์ก็ได้ ดังนั้นพี่แนะนำว่าให้เลือกทางที่ชอบและรู้สึกว่าเรียนแล้วจะมีความสุขกันดีกว่า เพราะเราจะได้เรียนและทำงานได้อย่างมั่นคงไม่แพ้กับการทำอาชีพแพทย์เลย (และถ้าใครอยากรู้จักคณะและ
สายงานอื่น ๆ ก็สามารถเข้าไปอ่าน บทความรวมคณะ ได้น้า มีข้อมูลเจาะลึกของหลายคณะให้น้อง ๆ ทำความรู้จักเพียบ)

รีวิว #คณะแพทยศาสตร์ หมอเรียนอะไรบ้าง ? รายได้ดีจริงไหม ?

ดูคลิปอื่น ๆ ได้ที่ YouTube Channel : SmartMathPro

บทความ แนะนำ

บทความ แนะนำ

TPAT1 กสพท คืออะไร สอบอะไรบ้าง
TPAT1 กสพท 69 คืออะไร มีอะไรบ้าง แจกคลิปติวและแนวข้อสอบฟรี
เตรียมสอบ TPAT1 กสพท ยังไงดี
Dek69 เตรียมสอบ TPAT1 กสพท ยังไง แจกเทคนิคทำข้อสอบพร้อมคลิปติวฟรี
เจาะลึกข้อสอบ TPAT1 กสพท เชาวน์ปัญญา
สรุปข้อสอบความถนัดแพทย์ TPAT1 เชาวน์ปัญญา + พาตะลุยโจทย์
สรุปข้อสอบ กสพท TPAT1 จริยธรรมแพทย์
ข้อสอบ TPAT1 จริยธรรมแพทย์ กสพท (ความถนัดแพทย์) พร้อมแนวข้อสอบ
สรุปเนื้อหา TPAT1 กสพท พาร์ตเชื่อมโยง
ข้อสอบ TPAT1 เชื่อมโยง กสพท (ความถนัดแพทย์) พร้อมแนวข้อสอบ
คณะแพทย์ เรียนอะไรบ้างใน 6 ปี
คณะแพทย์ เรียนอะไร? มีสาขาไหนบ้าง? สรุปทุกคำถามที่คนอยากเรียนแพทย์ควรรู้
“เรียนหมอ” เรียนอะไรบ้าง? อยากเรียนหมอ ต้องเตรียมตัวยังไง?
"เรียนหมอ" เรียนอะไรบ้าง? อยากเรียนหมอ ต้องเตรียมตัวยังไง?

พี่เตย ทีมบทความ SmartMathPro
ป.ตรี คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ม.มหิดล
พี่สาวที่ชื่นชอบการเล่าเรื่องต่าง ๆ ในวงการการศึกษา ทั้งอัปเดตข่าวสารมหาลัยฯ
แนะนำคณะ – อาชีพ และอื่น ๆ อีกเพียบที่พี่พร้อมจัดให้ทุกคนได้อ่านกันแบบจุก ๆ !

พี่เตย ทีมบทความ SmartMathPro
ป.ตรี คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ม.มหิดล
พี่สาวที่ชื่นชอบการเล่าเรื่องต่าง ๆ ในวงการการศึกษา ทั้งอัปเดตข่าวสารมหาลัยฯ แนะนำคณะ – อาชีพ และอื่น ๆ อีกเพียบที่พี่พร้อมจัดให้ทุกคนได้อ่านกันแบบจุก ๆ !

สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงติดตามข่าวสารต่าง ๆ ที่อัปเดตอย่างเรียลไทม์ ได้ที่

Line : @smartmathpronews

FB : Pan SmartMathPro ติวคณิต By พี่ปั้น 

IG : pan_smartmathpro

X : @PanSmartMathPro

Tiktok : @pan_smartmathpro

Lemon8 : @pan_smartmathpro

Share