
น้อง ๆ คนไหนที่กำลังเตรียมตัวเก็บเนื้อหาของพาร์ตกฎหมายในวิชา A-Level สังคม อยู่และไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี ไม่ต้องกังวลใจไปน้าา เพราะวันนี้พี่จะมาสรุปประเด็นสำคัญ ๆ ของพาร์ตกฎหมายที่ออกสอบบ่อย ๆ ให้น้อง ๆ ได้อ่านกันรับรองว่าจะช่วยให้น้อง ๆ จับประเด็นที่ข้อสอบถามได้ และนำไปใช้ทำข้อสอบในห้องสอบได้อย่างมั่นใจแน่นอน ถ้าพร้อมแล้ว
เลื่อนลงไปอ่านกัน
สนใจหัวข้อไหน ... กดอ่านเลย
Toggleกฎหมาย คืออะไร ?
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาอื่น ๆ สิ่งที่น้อง ๆ ควรจะต้องรู้เป็นลำดับแรก คือกฎหมายที่เราเรียกกันนี้ มีลักษณะสำคัญอย่างไรบ้าง ซึ่งพี่สรุปมาให้แล้ว ตามนี้เลยยย
- เป็นคำสั่งหรือข้อบังคับของรัฐ (สั่งให้ทำหรือไม่ให้ทำก็ได้)
- มาจากรัฎฐาธิปัตย์หรือผู้มีอำนาจสูงสุดของรัฐ (ไม่ใช่ว่าใครจะออกกฎหมายก็ได้น้าา)
- มีสภาพบังคับหรือบทลงโทษ (ต้องบอกด้วยว่าถ้าละเมิดจะโดนอะไรบ้าง)
- ต้องใช้ได้ทั่วไปและใช้ได้เสมอไป (ใช้กับทุกคน ทุกที่อย่างเสมอภาคและใช้จนกว่าจะยกเลิก)
ประเภทของกฎหมาย
ในการแบ่งประเภทของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราสามารถใช้เกณฑ์ที่หลากหลายในการแบ่ง เช่นเดียวกันกับการแบ่งประเภท
ของกฎหมาย โดยเกณฑ์การแบ่งประเภทของกฎหมายที่น้อง ๆ ควรรู้จักนั้น มีดังนี้
แบ่งตามความสัมพันธ์
- กฎหมายมหาชน (เจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐกับเจ้าหน้าที่รัฐ)
- กฎหมายเอกชน (เอกชนกับเอกชน)
- กฎหมายระหว่างประเทศ (รัฐกับรัฐ)
แบ่งตามสภาพบังคับ
- กฎหมายอาญา
- กฎหมายแพ่ง
แบ่งตามการใช้หรือหน้าที่
- กฎหมายสารบัญญัติ (กำหนดเนื้อหาและพฤติกรรมความถูกผิด)
- กฎหมายวิธีสบัญญัติ (กล่างถึงวิธีการพิจารณาและวิธีดำเนินการ)
แบ่งตามลำดับศักดิ์ของกฎหมาย เรียงจากสูงสุดไปต่ำสุด
- รัฐธรรมนูญ
- พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
- พระราชบัญญัติ / ประมวลกฎหมาย
- พระราชกำหนด
- พระราชกฤษฎีกา
- กฎกระทรวง / ประกาศกระทรวง
- ข้อบัญญัติปกครองท้องถิ่น
กฎหมายแพ่งและกฎหมายพาณิชย์
กฎหมายแพ่ง คือ กฎหมายว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของบุคคล เช่น เรื่องสภาพบุคคล ทรัพย์ หนี้ นิติกรรม ครอบครัว และมรดก เป็นต้น
กฎหมายพาณิชย์ คือ กฎหมายว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของบุคคล อันเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเศรษฐกิจและการค้า
โดยวางระเบียบเกี่ยวพันทางการค้าหรือธุรกิจระหว่างบุคคล เช่น การตั้งหุ้นส่วนบริษัท เรื่องเกี่ยวกับตั๋วเงิน และกฎหมายว่าด้วยการซื้อขาย การเช่าทรัพย์ การจำนอง การจำนำ เป็นต้น
ในปัจจุบันกฎหมายแพ่งและกฎหมายพาณิชย์ของประเทศไทย ได้บัญญัติรวมเป็นกฎหมายฉบับเดียวกัน เรียกชื่อว่า “ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์”
โดยกฎหมายย่อย ๆ ที่อยู่ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มีอยู่เยอะมาก แต่พี่ได้สรุปเรื่องสำคัญที่น้อง ๆ ควรรู้ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทั้งการไปทำข้อสอบในโรงเรียนและสนามสอบ A-Level สังคม มาให้แล้ว ไปดูกันนน !!
กฎหมายกู้ยืมเงิน
ปัจจุบันการกู้ยืมเงินกฎหมายวางแนวทางไว้ว่า “ถ้ากู้ยืมเงินเกินกว่า 2,000 บาท ต้องทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญ จึงจะสามารถฟ้องร้องได้” ดังนั้น ถ้ากู้ยืมเงินไม่เกิน 2,000 บาท แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือไม่มี
ลายมือชื่อผู้กู้ก็สามารถฟ้องร้องได้
กฎหมายมรดก
การแบ่งมรดกสามารถแยกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- การแบ่งมรดกตามพินัยกรรม (เขียนให้ใครคนนั้นได้)
- การแบ่งมรดกตามหลักทายาทโดยธรรม
ในข้อสอบมักถามเรื่องการแบ่งมรดกตามหลักทายาทโดยธรรม เพราะเป็นการวัดความรู้พื้นฐานเรื่องที่พบบ่อย ๆ ในชีวิตจริงว่าเรามีความเข้าใจและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงหรือไม่ในสถานการณ์ต่าง ๆ
ดังนั้นสิ่งที่น้อง ๆ ควรทำความเข้าใจ คือ “หากเจ้ามรดกไม่ได้ทำพินัยกรรม หรือพินัยกรรมนั้นตกเป็นโมฆะ ให้แบ่งทรัพย์มรดกแก่ทายาทโดยธรรม โดยจะใช้หลักญาติสนิทตัดญาติห่าง คือ รับมรดกตามลำดับก่อนหลัง ถ้าลำดับบนยังมีชีวิตอยู่ลำดับถัดไปจะหมดสิทธิ์ ยกเว้น ! ชั้นพ่อแม่และคู่สมรส”
ทายาทโดยธรรม 6 ลำดับมีดังต่อไปนี้
- ผู้สืบสันดาน (ลูก, หลาน, เหลน)
- บิดามารดา
- พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
- พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน
- ปู่ย่าตายาย
- ลุงป้าน้าอา
จากตรงนี้น้อง ๆ จะเห็นว่าไม่มีคู่สมรสอยู่ในลำดับใดเลย นั่นเพราะคู่สมรสของเจ้ามรดก (ผู้ตาย) ถือเป็นทายาทโดยธรรมชั้นพิเศษ ดังนั้น นอกจากคู่สมรสจะมีสิทธิ์ได้สินสมรสแล้วก็ยังมีสิทธิ์ได้รับมรดกอีกด้วยน้าา

กฎหมายสมรสเท่าเทียม
กฎหมายสมรสเท่าเทียม เป็นกฎหมายอัปเดตใหม่ล่าสุดที่ออกสอบใน A-Level สังคม เนื้อหาของกฎหมายมีการปรับเปล่ียนสาระสำคัญเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหมั้นหรือการสมรส ซึ่งถ้าน้อง ๆ ยังจำกฎหมายเดิมอยู่อาจจะทำให้ตอบผิดแล้วเสียคะแนนได้เลย T_T ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียม
มีการเปล่ียนเนื้อหาสาระส่วนไหนไปบ้าง
การหมั้น : กฎหมายเดิมเป็นชายและหญิงต้องมีอายุ 17 ปีบริบูรณ์
> กฎหมายใหม่เปล่ียนเป็นผู้หมั้นและผู้รับหมั้นต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์การสมรส : กฎหมายเดิมเป็นชายและหญิงอายุต้อง 17 ปีบริบูรณ์
> กฎหมายใหม่เปล่ียนเป็นบุคคลสองฝ่ายต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ (ใช้คำว่าบุคคลแทนชายหญิง)สิทธิต่าง ๆ ในฐานะคู่สมรส : การสมรสระหว่างบุคคลในกฎหมายฉบับนี้ไม่ว่าจะมีอัตลักษณ์ทางเพศใดก็ตาม
จะมีสิทธิต่าง ๆ เหมือนกับสิทธิของคู่สมรสในกฎหมายฉบับเดิมเลย เช่น การตัดสินใจในการรักษาพยาบาล,
การรับมรดก หรือการใช้นามสกุลร่วมกัน
บทลงโทษในคดีแพ่ง
กฎหมายอาญา
การประมาทเลินเล่อ
กฎหมายอาญาวางแนวทางของการกระทำความผิดโดยประมาทเอาไว้ว่า “บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท”
ซึ่งแปลให้เข้าใจง่าย ๆ ได้ว่า ตามปกติแล้วคนที่ทำสิ่งใดไปก็ตามโดยความประมาท แม้จะทำให้ผู้อื่นเสียหายก็จะไม่ถือว่ามีความผิดทางอาญา (แต่อาจจะผิดทางแพ่งได้นะ) ยกเว้นว่าความผิดที่ได้ทำลงไปนั้นกฎหมายบัญญัติเอาไว้ว่าแม้จะประมาทก็ให้ถือว่าเป็นความผิดต้องได้รับโทษ เช่น นาย A ดื่มสุราแล้วขับขี่รถยนต์เฉี่ยวชนนาย B บาดเจ็บ กรณีนี้แม้
นาย A จะไม่ได้ตั้งใจ กฎหมายก็ถือว่านาย A มีความผิดอยู่ดี
การกระทำความผิดและการพยายามกระทำความผิด
พี่ขออธิบายว่า สมมตินาย A ใช้ปืนยิงนาย B เสียชีวิต แบบนี้จะถือว่านาย A กระทำความผิดสำเร็จ แต่ถ้านาย A ใช้ปืนยิงนาย B แต่บังเอิญนาย B หลบหนีไปได้ แบบนี้จะถือว่านาย A พยายามกระทำความผิด (ความผิดไม่สำเร็จ)
บทลงโทษในคดีอาญา
ในคดีอาญาส่วนใหญ่มักเป็นคดีที่สะเทือนขวัญ มีความเสียหายทั้งในแง่ของสิทธิ ชีวิต ร่างกาย จิตใจ ไม่ว่ากับตัวเอง
หรือผู้อื่น ดังนั้น บทลงโทษทางอาญามักเป็นลักษณะของการทำให้หลาบจำและกลัวการกระทำความซ้ำสอง (แตกต่างจากแพ่งที่จะเน้นเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น) โดยโทษทางอาญามีทั้งหมด 5 สถาน เรียงจากหนักที่สุดไปจนถึงเบาที่สุด ดังนี้
- ประหารชีวิต
- จำคุก
- กักขัง
- ปรับ
- ริบทรัพย์สิน
นอกจากนี้ยังมีการลงโทษแบบใหม่ที่กฎหมายบ้านเราเพิ่งนำมาใช้ได้ไม่นานคือ การปรับพินัย ซึ่งมีลักษณะ คือ
การปรับเงิน แต่กฎหมายจะไม่นับว่าการปรับพินัยเป็นบทลงโทษทางอาญาน้าาา (ถือว่าเป็นกฎหมายเฉพาะ)
ทิศทางแนวข้อสอบ A-Level สังคม (กฎหมาย) 69
สำหรับทิศทางของแนวข้อสอบพาร์ตกฎหมายในปี 69 พี่คิดว่ามีแนวโน้มที่จะง่ายขึ้นมากกว่า 2-3 ปี ที่ผ่านมา เพราะจากที่พี่ได้วิเคราะห์ข้อสอบปีล่าสุด ลักษณะของข้อสอบจะเป็นการถามหลักการที่ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน ซึ่งต่างจาก 2-3 ปี ก่อนหน้าที่โจทย์และตัวเลือกจะมีบริบทที่ซับซ้อนมาก และเน้นให้น้อง ๆ วิเคราะห์เหตุผลตามเหตุการณ์ที่โจทย์กำหนดมา ซึ่งบางข้อเป็นการประยุกต์กฎหมายในหลาย ๆ มาตรามารวมกัน กว่าจะตอบคำถามได้แต่ละข้อต้องเชื่อมโยงความรู้หลาย ๆ ส่วนมาตอบ แต่ยังไงก็ตาม
พี่ขอแนะนำน้อง ๆ ทุกคนน้าา ว่าห้ามประมาทเด็ดขาดเลยย เพราะข้อสอบพาร์ตกฎหมายสามารถถามได้หลากหลายรูปแบบมาก ๆ ตั้งแต่ความรู้ ความจำ เช่น ลำดับความหนักเบาของโทษ อายุของการสมรส หรือที่ยากขึ้นมาอีกขั้น คือ รายละเอียดย่อย ๆ ในกฎหมาย พวกข้อยกเว้นต่าง ๆ ก็สามารถดึงมาถามได้เหมือนกันน เพราะงั้นเราต้องเตรียมตัว ดักไว้ทุกทางน้าา
ตัวอย่างข้อสอบสังคม (กฎหมาย)

ตอบ ตัวเลือกที่ 2 เนื่องจากนายสามและนางตรีจดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย เงินสด 5,000,000 บาท จึงถือเป็นสินสมรสของทั้งสองคน เมื่อนายสามเสียชีวิต สินสมรสต้องถูกแบ่งให้แก่คู่สมรส คือ นางตรี กึ่งหนึ่งเป็นจำนวนเงิน 2,500,000 บาท ทำให้ทรัพย์มรดก (ที่เหลือ) ของนายสามมีจำนวน 2,500,000 บาท
และเนื่องจากนายสามถึงแก่ความตายโดยโจทย์ไม่ได้ระบุว่าทำพินัยกรรมเอาไว้ ทรัพย์มรดกจึงต้องถูกแบ่งตามกฎหมายให้แก่ทายาทโดยธรรมตามลำดับ คือ นายส่ีและเด็กชายห้า ในฐานะทายาทลำดับที่หนึ่ง (ผู้สืบสันดาน) นางตรีในฐานะคู่สมรสตามกฎหมาย นายหนึ่งและนางสองในฐานะทายาทลำดับที่สอง (บิดามารดา)
ดังนั้น ทรัพย์มรดก 2,500,000 บาทจะถูกแบ่งเป็น 5 ส่วน มอบให้แก่ นายหนึ่ง (บิดา) นางสอง (มารดา) นางตรี (คู่สมรส) นายส่ี (ผู้สืบสันดาน) เด็กชายห้า (ผู้สืบสันดาน) เป็นจำนวน 500,000 บาทเท่า ๆ กัน จึงสรุปได้ว่า นางตรีมีสิทธิ์ในเงินที่เหลือของนายสามจำนวน 3,000,000 บาท จากสินสมรสและมรดก ข้อนี้พี่แนะนำว่าน้องควรวาดรูปแผนผังครอบครัวเพื่อดูว่าใครเป็นญาติใคร ใครอยู่ใครเสียชีวิต จะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้น

ตอบ ตัวเลือกที่ 2 เนื่องจากการวางเพลิงเผาทรัพย์หากเกิดขึ้นแล้วอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตร่างกายและทรัพย์สินในวงกว้าง ดังนั้น แม้อยู่ในขั้นตอนตระเตรียมการ (เตรียมตัวจะทำหรือซื้ออุปกรณ์สำหรับ
กระทำความผิดไว้) ก็ถือว่าความผิดนั้นได้กระทำสำเร็จแล้วตามหลักกฎหมายอาญาว่าด้วยการวางเพลิงเผาทรัพย์
ซึ่งจะมีหลักเจตนารมย์ทางกฎหมายต่างจากความผิดทางอาญาทั่วไป เช่น ปล้นทรัพย์ ที่หากอยู่ในขั้นตระเตรียมการ (คิดว่าจะทำหรือหาซื้อเครื่องมือสำหรับปล้นไว้ก่อน) แต่หากยังไม่เกิดการกระทำความผิด จะถือว่าไม่ครบ
องค์ประกอบความผิดทางอาญา จึงยังไม่นับว่าได้ทำผิดกฎหมายอาญา

ตอบ ตัวเลือกที่ 3
เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงให้บุคคลสามารถสมรสได้เมื่อมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งการสมรสมีผลทำให้พ้นภาวะผู้เยาว์ได้ โดยการพ้นภาวะผู้เยาว์มี 2 กรณี ได้แก่
– กรณีที่ 1 คือ การบรรลุนิติภาวะ เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์
– กรณีที่ 2 คือ การจดทะเบียนสมรส ซึ่งสามารถทำได้เมื่อมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์
ดังนั้น ตามตัวเลือกที่ 3 จึงถือว่านางสาวเจี๊ยบพ้นภาวะผู้เยาว์แล้ว และสามารถทำนิติกรรมและสัญญาต่าง ๆ ได้เอง โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเนื้อหากฎหมายที่พี่รวบรวมมาฝากน้อง ๆ ในวันนี้ ถึงแม้ว่าเนื้อหา ในพาร์ตนี้จะดูเยอะและมีรายละเอียดให้น้อง ๆ ต้องจำเยอะไปหมด แต่พี่เชื่อว่าหากน้อง ๆ หมั่นทบทวนเนื้อหา ก็จะสามารถพิชิตคะแนนสวย ๆ ที่ต้องการมาได้อย่างแน่นอนนน > <
แต่นอกจากวิชาสังคมแล้ว หลาย ๆ คณะก็อาจจะให้น้อง ๆ ยื่นคะแนน A-Level วิชาอื่น ๆ ควบคู่ด้วย ซึ่งแต่ละวิชาอาจจะต้องใช้เวลาเตรียมตัวค่อนข้างนาน สำหรับใครที่กลัวเตรียมตัวไม่ทันอยากจะประหยัดเวลาในการเตรียมสอบ พี่ขอแนะนำคอร์สเรียนพิเศษสนาม A-Level ของ SmartMathPro ที่มีทั้ง A-Level คณิต 1,2 / A-Level ภาษาอังกฤษ / A-Level ฟิสิกส์ / A-Level ภาษาไทย / A-Level สังคม เลยน้าา
โดยสำหรับใครที่ไม่มีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้ เพราะพี่สอนตั้งแต่ปูพื้นฐาน ไปจนถึงพาทำโจทย์ตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงความยากใกล้เคียงกับข้อสอบจริงเลย แถมมีเทคนิคในการทำข้อสอบอีกเพียบที่จะช่วยให้น้อง ๆ ทำข้อสอบได้เร็วขึ้น > <
และสำหรับใครที่ยังไม่เริ่ม เริ่มติวตอนนี้ก็ยังทันน้าา แอบกระซิบว่าถ้าสมัครคอร์สตั้งแต่ตอนนี้พี่มี Unseen Mock Test ชุดพิเศษ 1 ชุด แถมฟรีไปให้ลองทำพร้อมสิทธิพิเศษประจำเดือนอีกมากมายด้วย ถ้าน้อง ๆ คนไหนสนใจคอร์สเตรียมสอบ A-Level สามารถ คลิก เข้ามาดูรายละเอียดได้เลยย
บทความ แนะนำ
บทความ แนะนำ
สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงติดตามข่าวสารต่าง ๆ ที่อัปเดตอย่างเรียลไทม์ ได้ที่
Line : @smartmathpronews
FB : Pan SmartMathPro ติวคณิต By พี่ปั้น
IG : pan_smartmathpro
X : @PanSmartMathPro
Tiktok : @pan_smartmathpro
Lemon8 : @pan_smartmathpro