เตรียมตัวอ่านหนังสือ TCAS68 ยังไงให้สอบติด

มีใครอยากสอบติดมหาลัยฯ แต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร หรือควรจะเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ ยังไงให้สอบติดบ้างไหม พี่เชื่อว่าน้อง ๆ หลายคนน่าจะเป็นแบบนี้อยู่แน่เลย แต่ไม่ต้องกังวลน้าาา เพราะวันนี้พี่เตรียมทั้งทริคในการค้นหาตัวเอง วิธีเตรียมสอบ และเทคนิคการอ่านหนังสือยังไงให้จำได้เยอะขึ้นมาฝากทุกคนด้วยในบทความนี้ น้อง ๆ คนไหนที่อยากเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ ล่วงหน้า รีบมาอ่านกันเลยยย

1. ค้นหาตัวเองว่าอยากเรียนคณะ / มหาลัยฯ อะไร

วิธีค้นหาตัวเองมีหลากหลายวิธี ซึ่งวิธีเหล่านี้อาจจะช่วยให้น้อง ๆ ค้นหาตัวเองได้เร็วมากขึ้น !!

  • สังเกตว่าตัวเองมีความชอบและความถนัดอะไรบ้าง
  • ลองออกไปทำกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยทำ
  • ร่วมกิจกรรมของคณะ / มหาลัยฯ ที่จัดขึ้นเพื่อพูดคุยกับรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ เช่น งาน Open House หรือ
    การเข้าค่าย
  • ทำแบบทดสอบต่าง ๆ ทั้งทางด้านจิตวิทยา หรือแบบทดสอบเกี่ยวกับอาชีพ (อาจจะไม่ได้ตรงเป๊ะ 100% แต่พี่ว่า
    ก็พอใช้เป็นแนวทางได้อยู่น้าา)

2. ศึกษาหลักสูตรของคณะที่น้อง ๆ อยากเข้า

เมื่อรู้แล้วว่าอยากเข้าคณะอะไร ให้น้อง ๆ ลองดูว่าคณะนี้ มีมหาลัยฯ ไหนบ้างที่เปิดสอนและเข้าไปดูหลักสูตร หรือสอบถามรีวิวการเรียนจากรุ่นพี่ เพราะแต่ละมหาลัยฯ จะมีหลักสูตรที่เปิดสอนไม่เหมือนกัน แม้ว่าชื่อคณะจะเหมือนกันก็ตาม

เช่น คณะนิเทศของมหาลัยฯ A เน้นสอนการแสดงเป็นหลัก แต่คณะนิเทศของมหาลัยฯ B เน้นสอนโฆษณา ซึ่งการศึกษาหลักสูตรของคณะเอาไว้ จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าอยากเรียนอะไร หรือเข้ามหาลัยฯ ไหนกันแน่ !!

3. ศึกษาระบบ TCAS68 และวางแผนต่อ

หลังจากที่เลือกได้แล้วว่าอยากเข้าคณะ / มหาลัยฯ ไหน น้อง ๆ ก็ควรศึกษาระบบ TCAS68 ต่อเพื่อวางแผนว่าคณะที่
น้อง ๆ อยากเข้าสามารถสอบรอบไหนได้บ้าง และควรเริ่มเก็บผลงานต่าง ๆ ตอนไหน จะได้มีเวลาทำ Portfolio ตั้งแต่
เนิ่น ๆ ควบคู่กับการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบและเก็บเกรดที่โรงเรียนไปด้วยยย

เหตุผลที่ต้องศึกษาระบบ TCAS เอาไว้ด้วยก็เพราะว่าระบบนี้มีหลายรอบ / ขั้นตอน ไม่ใช่แค่การสมัครสอบ ยื่นคะแนนแล้วจบ แต่น้อง ๆ ควรจะรู้เรื่องการยืนยันสิทธิ์ สละสิทธิ์ รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในแต่ละรอบเอาไว้ด้วยเหมือนกัน

มีเรื่องให้ต้องหาข้อมูลเยอะแบบนี้ หลายคนอาจจะเริ่มคิดแล้วว่า กว่าจะเข้าใจระบบ TCAS ทั้งหมดคงต้องใช้เวลานาน
แน่เลย T_T แต่อย่าเพิ่งท้อกันน้าา แม้ระแบบ TCAS จะมีรายละเอียดให้ได้เรียนรู้เยอะก็จริง แต่เราค่อย ๆ ทำความเข้าใจไปทีละเรื่องก็ได้ และสำหรับ Dek68 ที่ยังอยู่ในช่วงก่อนเข้าระบบ TCAS แบบนี้ พี่ก็มีสรุปเรื่องที่น้อง ๆ ควรรู้ในเบื้องต้น
ก่อนเข้ามหาลัยฯ มาให้แล้ว ลองอ่านจากบทความ Dek68 เตรียมสอบเข้ามหาลัยฯ ยังไง ? ก่อนก็ได้น้าา

4. เตรียมตัวอ่านหนังสือ

น้อง ๆ Dek68 มักจะถามว่าเริ่มอ่านหนังสือตอนไหนดี พี่บอกเลยว่า เริ่มตอนนี้ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องรอกำหนดการออกแล้วค่อยเริ่มอ่านหนังสือ ยิ่งน้อง ๆ เริ่มเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเวลาทบทวนและปิดจุดอ่อนตัวเองได้มากขึ้นเท่านั้น พี่เชื่อเสมอว่าการเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ ก่อนใคร ทำให้เรามีชัยไปกว่าครึ่ง !!

ในช่วงแรกนี้ น้อง ๆ ควรเริ่มจากการเช็ก Test Blueprint ว่าวิชาที่ต้องสอบมีออกเนื้อหาอะไรบ้าง แล้วทยอยเก็บเนื้อหาให้แม่นและทำแบบฝึกหัดควบคู่กันไป ถ้าใครต้องสอบหลายวิชา แนะนำว่าให้อ่านสลับกันเพื่อที่จะได้เก็บเนื้อหาได้
เร็วขึ้น เช่น วันนี้ท่องศัพท์ 1 ชม. แล้วก็แวะไปอ่านชีวะอีก 1 ชม. และอาจจะปิดท้ายด้วยทำโจทย์คณิต 5 ข้อก็ได้น้า

ซึ่งจริง ๆ แล้ว น้อง 1 คนก็อาจจะต้องสอบหลายวิชาและเนื้อหาแต่ละวิชาก็ไม่น้อยเลย T_T คงทำให้ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง
ใช่ไหมล่ะ หลายคนอาจกลัวว่าจะเตรียมตัวไม่ทันและอยากได้ตัวช่วย 

จะบอกว่าพี่มีคอร์สเตรียมสอบเข้ามหาลัยฯ หลากหลายวิชาเลยย และจะเริ่มสอนตั้งแต่ปูพื้นฐาน พาตะลุยโจทย์ พร้อมเทคนิคในการทำข้อสอบแบบจัดเต็ม (ซึ่งในทุกคอร์ส พี่ก็ยังแถม Unseen Mock Test  ให้น้อง ๆ ได้ลองฝึกทำข้อสอบเสมือนจริง  อิงตาม Test Blueprint ปีล่าสุดด้วย !!) ใครสนใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

แจก 3 วิธีอ่านหนังสือยังไงให้สมาธิไม่หลุด จำได้เยอะขึ้น

1. เขียนแพลนเนอร์

จริง ๆ แล้วการเขียนแพลนเนอร์มีประโยชน์เยอะมากกก อย่างแรก คือ การเขียนแพลนเนอร์จะทำให้เห็นกิจกรรม
ที่ต้องทำทั้งหมดใน 1 วัน ช่วยให้วางแผนกิจกรรมและการอ่านหนังสือได้ดีขึ้น เป็นการฝึกบริหารเวลาที่ดีมาก ๆ เลยล่ะ

โดยประเภทของแพลนเนอร์นอกเหนือจากแพลนเนอร์รายวัน ก็มีอีกหลายแบบให้น้อง ๆ ได้เลือก เช่น แพลนเนอร์
รายสัปดาห์ แพลนเนอร์รายเดือน น้อง ๆ อาจจะลองใช้หลาย ๆ รูปแบบเพื่อให้รู้ว่าแบบไหนเหมาะกับการจดเลคเชอร์ของตัวเองที่สุด

เทคนิคการใช้สีให้หลากหลายใน 1 หน้ากระดาษจะช่วยให้น้อง ๆ Dek68 จำเนื้อหาได้ง่ายขึ้น เช่น

  • ต้องการจดเนื้อหา แนะนำให้ใช้สีโทนเย็นอย่าง สีน้ำเงินหรือสีฟ้า เพราะเป็นสีที่ทำให้สบายตา
  • ต้องการจะเขียนคำนิยามหรือความหมายของคำนั้น ๆ ควรเลือกใช้ สีเขียว
  • ต้องการเตือนความจำ เพื่อย้ำว่าห้ามลืมหรือห้ามพลาดตรงจุดนี้ แนะนำให้ใช้ สีม่วง
  • ต้องการย้ำว่าคำนี้สำคัญสุด ๆ ให้ใช้สีที่มีความร้อนแรงอย่าง สีแดง

เพราะเวลากลับมาทบทวน น้อง ๆ จะได้เห็นอย่างชัดเจน (ปล. น้อง ๆ สามารถนำเทคนิคนี้ไปประยุกต์ใช้ หรือปรับเปลี่ยนสี ตามที่ตัวเองชอบเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยฯ ได้เลยน้าา)

2. เลือกช่วงเวลาอ่านหนังสือให้เหมาะสม

การอ่านหนังสือในช่วงเวลาที่สมองปลอดโปร่งและตื่นตัว ถือเป็นเวลาที่ดีที่สุดเพราะจะทำให้น้อง ๆ อ่านหนังสือแล้วจำได้เยอะขึ้น แต่ช่วงเวลาของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน บางคนสะดวกช่วงเช้า (ช่วงเวลาก่อนไปโรงเรียน) เช่น ตี 5 – 7 โมง ส่วนบางคนชอบอ่านหนังสือตอนกลางคืน หรือหลายคนโต้รุ่งไปเลยก็มี (แต่อันนี้ไม่ดีต่อร่างกาย  และไม่ควรทำบ่อย ๆ น้า)

สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังจะเริ่มเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยฯ แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรจะอ่านหนังสือช่วงเวลาไหนดี
พี่แนะนำให้แบ่งวันใน 1 อาทิตย์ เพื่อให้ได้ทดลองอ่านหนังสือทั้ง 2 เวลา เช่น อ่านตอนเช้า 4 วัน อีก 3 วันอ่านตอน
กลางคืน หรือปรับเวลาตามที่สะดวกได้เลยย

3. เทคนิคมะเขือเทศ (Pomodoro) ใครไม่ค่อยมีสมาธิ แนะนำวิธีนี้ !!

Dek68 หลายคนยังไม่เริ่มเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ เพราะรู้สึกว่ายังไม่มีสมาธิมากพอที่จะอ่านนาน ๆ เป็นชั่วโมง
ซึ่งจริง ๆ แล้ว สามารถแบ่งเวลาสั้น ๆ สัก 20-25 นาทีเพื่ออ่านหนังสือแล้วค่อยพักเบรก 5 นาทีตามแบบเทคนิคมะเขือเทศได้ แต่ช่วงเวลาที่อ่านนั้น น้อง ๆ จะต้องโฟกัสกับสิ่งที่อ่านแบบ 100% ทำวนแบบนี้ไป 4 รอบ แล้วก็จะรู้ว่าเราอ่านได้ตั้ง
1 ชม. แบบที่สมาธิไม่หลุดเลย !! เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่โฟกัสกับการอ่านหนังสือได้ไม่นาน สามารถเอาวิธีนี้
ไปลองใช้ดูได้น้าา

4. จัดตารางอ่านหนังสือให้เหมาะกับตัวเอง

ก่อนที่น้อง ๆ จะเริ่มอ่านหนังสือ พี่อยากให้ทุกคนลองมองเป็นภาพกว้างก่อนว่าเรามีวิชาหรือเนื้อหาอะไรที่ต้องอ่านบ้าง เพื่อสอบเข้าคณะที่เราใฝ่ฝันเอาไว้ ลิสต์ออกมาแล้วจัดตารางอ่านหนังสือกันดูว่าแต่ละวิชาควรจะอ่านช่วงไหน และควรเก็บเนื้อหากับฝึกทำโจทย์ตั้งแต่เดือนอะไร เราจะได้ไม่ตกหล่นเนื้อหาสำคัญ และเห็นความคืบหน้าในการเตรียมตัวสอบด้วยน้า

ทั้งนี้การจัดตารางอ่านหนังสือพี่ก็แนะนำให้ยึดความสะดวกและความเหมาะสมของเป้าหมายทุกคนไว้เป็นอันดับแรกเลย เพราะถ้าเราจัดตารางอ่านหนังสือแบบที่หนักหรือเบาจนเกินไปก็อาจจะไม่ดีกับตัวเรานั่นเอง แต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่าควรจะจัดตารางอ่านหนังสือยังไงดี อยากได้ตัวอย่างเป็นแนวทาง สามารถเข้าไปอ่านบทความ ตารางอ่านหนังสือ Dek68 ได้น้าา พี่ทำตัวอย่างของวิชา A-Level คณิต / TGAT2,3 /  TPAT1 กสพท เอาไว้ให้แล้ววว

อยากสอบติด … ต้องคิดแบบนี้

จริง ๆ แล้วการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย  เพราะน้อง ๆ ต้องทุ่มเททั้งพลังกาย และพลังใจ ทำให้มีบางครั้งที่รู้สึกท้อ เครียด และหมดไฟ ดังนั้นพี่จะขอเติมกำลังใจให้ทุกคนด้วยการยกข้อชวนคิดของเด็กสอบติดมาให้น้อง ๆ ดูว่าเขามีวิธีคิดกันยังไงและนำไปปรับใช้ให้เข้ากับตัวเองดูน้า

1. ไม่จำเป็นต้องเก็บเนื้อหาครบทุกบท หรือทำข้อสอบได้ทุกข้อ

ถ้าอิงตาม Test Blueprint ของแต่ละวิชา จะเห็นว่าบางบทก็ถูกตัดออก เช่น การให้เหตุผล (ไม่ใช่การอ้างเหตุผลในตรรกศาสตร์) หรือทฤษฎีกราฟเบื้องต้น ของ A-Level คณิต 1 ซึ่งน้อง ๆ ไม่จำเป็นต้องอ่าน (แต่ถ้าอยากทบทวนความรู้
ก็สามารถอ่านได้นะ !!) และเลือกเก็บบทอื่น ๆ ที่ออกสอบแทน

2. เด็กสอบติดจะรู้ว่า … เก็บเนื้อหายังไงก็จะเข้าใจไม่เกิน 50% จนกว่าจะทำโจทย์

การอ่านหนังสือทำให้น้อง ๆ ได้เรียนทฤษฎี แต่ถ้าอยากรู้ว่าเมื่อลงสนามสอบจริงแล้ว จะทำโจทย์ประยุกต์ได้มั้ย หรือใช้สูตรเป็นหรือเปล่า ก็ต้องลองทำโจทย์หรือแบบฝึกหัดก่อน (แนะนำว่าควรเลือกโจทย์ที่เป็นแนวข้อสอบเก่าน้า เพราะจะได้ฝึกทำโจทย์ที่มีความยากใกล้เคียงกับระดับของข้อสอบจริง)

3. เจอข้อที่ทำไม่ได้ แค่เปิดดูเฉลยและทำความเข้าใจ

ถ้าทำโจทย์แล้วเจอข้อที่ทำไม่ได้ สิ่งที่ง่ายที่สุดคือการเปิดเฉลย และดูวิธีทำ ไม่จำเป็นต้องนั่งเครียดกับข้อนั้น ๆ
เป็นเวลานาน เพราะน้อง ๆ อาจจะเจอข้อที่ทำไม่ได้บ่อย ๆ ดังนั้นอย่าจม อ่านเฉลยให้เข้าใจก่อนแล้วค่อยนั่งทำใหม่นะ !!

4. เรียนแล้วลืม อ่านแล้วลืม เป็นเรื่องปกติ

ถ้าไม่ได้ทบทวนอยู่บ่อย ๆ เนื้อหาที่เคยเรียนมาจะค่อย ๆ หายไปเรื่อย ๆ ดังนั้นพี่แนะนำว่าหลังจากเรียนพิเศษแล้ว
ให้น้อง ๆ อ่านทบทวนเลยทันที ถ้ายังจำไม่ได้ ก็แค่ทวนซ้ำใหม่จนกว่าจะเข้าใจและทำได้

5. เด็กสอบติดก็คือ “คนธรรมดา” ที่น้อง ๆ เองก็เป็นได้

ข้อนี้สำคัญมาก จงจำไว้เสมอว่าเด็กสอบติดก็คือ “คนธรรมดา” ที่น้อง ๆ เองก็เป็นได้ ไม่ว่าระหว่างทางจะยากหรือ
มีอุปสรรคมากมายแค่ไหน อาจจะมีปาดเหงื่อ ปาดน้ำตากันบ้าง แต่พี่ขอให้ทุกคนสู้ให้เต็มที่ พี่เองก็จะอยู่สู้ไปกับน้อง ๆ
เช่นกัน !!

ดูคลิปติว TGAT / A-Level TCAS68

ติดตามคลิปติวอื่น ๆ ได้ทาง YouTube Channel : SmartMathPro

น้อง ๆ เคยได้ยินประโยคที่ว่า เตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง กันไหม พี่อยากให้ลองเอามาปรับใช้กับการเตรียมสอบเข้า
มหาลัยฯ กันดูน้าา เพราะการเตรียมตัวที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสอบติดของน้อง ๆ ได้มากขึ้น สุดท้ายนี้
ไม่ว่าทุกคนจะเห็นบทความนี้ตอนไหน หรือเหลือเวลาเตรียมสอบอีกเท่าไร แต่ถ้าทุกคนลงมือทำอย่างเต็มที่ตอนนี้
พี่เชื่อว่ายังไงก็เป็นผลดีแน่นอน ลองดูกันสักตั้ง สู้ให้เต็มที่นะเด็ก ๆ !!

คอร์สเรียน แนะนำ

บทความ แนะนำ

บทความ แนะนำ

TPAT1 คืออะไร? พร้อมเทคนิคอ่านหนังสือจากรุ่นพี่
TPAT1 กสพท คืออะไร? มีอะไรบ้าง? พร้อมแจกตารางอ่านหนังสือจากรุ่นพี่
สรุป TPAT1 กสพท67 ฉบับอัปเดตล่าสุด
กสพท คืออะไร? ต้องสอบอะไรบ้าง? อัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับ กสพท!!
TGAT TPAT คืออะไร? Dek67 ต้องสอบ TGAT TPAT ไหม ? สรุปครบในบทความนี้
TGAT TPAT คืออะไร? สอบอะไรบ้าง? สรุปครบพร้อมแจกข้อสอบและเฉลย
A-Level คืออะไร ?
A Level คืออะไร ? มีวิชาอะไรบ้าง? สรุปครบพร้อมแนวข้อสอบปี 67

สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ Line : @smartmathpronews

รวมถึงข่าวสารต่าง ๆ อัปเดตอย่างเรียลไทม์

FB : Pan SmartMathPro ติวคณิต By พี่ปั้น 

IG : pan_smartmathpro

Twitter : @PanSmartMathPro 

Tiktok : @pan_smartmathpro

Share