ซิ่ว ต้องทำอะไรบ้าง เด็กซิ่วต้องลาออกไหม ซิ่วได้กี่ปี เคลียร์ให้จบก่อบคิดซิ่ว

เด็กซิ่ว

“ซิ่ว” ทำยังไงบ้าง? ต้องลาออกไหม?

พี่บอกหมด!!  ชีวิตหลังเป็นเด็กซิ่ว จะสอบใหม่อีกครั้ง หลังซิ่ว ต้องเริ่มต้นจากอะไร มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

“เด็กซิ่วไม่ได้แพ้ แค่ทำตามความฝัน”  น้องๆที่ตัดสินใจซิ่วหลายคน คงกำลังประสบปัญหาส่วนตัวหรือมีเหตุผลมากมายที่แตกต่างกันในการตัดสินใจซิ่ว ไม่ว่าจะเป็น สอบไม่ติดคณะที่ใฝ่ฝัน ติดคณะ/สาขาที่ไม่ต้องการ คะแนนสอบไม่ถึงเกณฑ์ รวมถึงไม่สามารถรับมือกับระบบการสอบที่เปลี่ยนแปลงได้  ไม่เป็นไรนะคะ อะไรที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไปเนอะ เรามาสร้างโอกาสให้กับตัวเองอีกครั้ง โดยการเริ่มต้นใหม่และสู้ไปด้วยกันนะคะ

วันนี้พี่เอิธ SMP NEWS จะมาแนะนำขั้นตอนการเตรียมตัวสอบทั้งหมด หลังจากที่น้องๆตัดสินใจซิ่วกันว่า จะต้องทำยังไงบ้าง ควรเริ่มต้นอย่างไร และคำถามอื่นๆอีกมากมายที่น้องๆสงสัยกัน เช่น ซิ่วเข้ามหาวิทยาลัยเดิมได้ไหม ต้องลาออกก่อนไหม ใช้คะแนนเก่าได้ไหม เป็นต้น พร้อมแจกข้อมูลการสอบ สนามสอบอีกเพียบ พี่รับรองเลยว่า ถ้าน้องๆได้อ่านบทความนี้ จะต้องคลายข้อสงสัยทั้งหมดได้อย่างแน่นอนค่ะ ไปดูกันเลย^_^

น้องๆ คนไหนที่อยู่ในช่วงลังเลว่าจะซิ่วดีมั้ย แนะนำให้อ่านบทความ “เด็กซิ่ว” ก่อน
พี่รวมไว้ให้แล้วทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มแรกเลย ! 

1. ตั้งสติ และถามตัวเองก่อน

อันดับแรกหลังจากที่เราตัดสินใจก้าวเข้าสู่การเป็นเด็กซิ่วแล้ว น้องๆต้องตั้งสติให้ดีก่อนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้   เราตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม มั่นใจหรือยัง กำลังสับสนอะไรอยู่หรือเปล่า  เพราะมีน้องๆหลายคนมากที่ตัดสินใจโดยที่ไม่คิดให้รอบคอบก่อน จนเกิดเป็นปัญหาในภายหลังได้

2. พูดคุยกับผู้ปกครองให้เรียบร้อย

สิ่งที่สำคัญมากเป็นอันดับต้นๆคือ การพูดคุยกับผู้ปกครองของตนเอง ว่าเรากำลังตัดสินใจที่จะซิ่วนะ และเป้าหมายที่แท้จริงของเราคืออะไร รวมถึงเราจะเลือกเส้นทางไหน เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายใหม่ของเรา ผู้ปกครองจะได้รับทราบ และคลายกังวลลงบ้าง เพราะถ้าไม่พูดคุยกันตั้งแต่ต้น แล้วคุณพ่อ คุณแม่ไม่อนุญาตให้ซิ่ว ก็จะเกิดปัญหาตามมาได้นะคะ

3. วิเคราะห์จุดพลาด จุดเด่น ในการเตรียมตัวสอบที่ผ่านมา

เมื่อเรามีประสบการณ์ครั้งที่ผ่านมาแล้ว ให้ลองนำมาวิเคราะห์ตัวเองดูก่อนว่า เราผิดพลาดตรงไหน เพื่อที่จะแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีก เช่น วางแผนเวลาไม่ดีตั้งแต่แรกหรือเปล่า จึงทำให้อ่านหนังสือสอบไม่ทัน หรือไม่เคยลองฝึกซ้อมจับเวลาทำข้อสอบเลย จึงทำข้อสอบในห้องไม่ทัน เป็นต้น รวมถึงวิเคราะห์ว่า วิธีไหนที่เราเคยทำแล้วประสบความสำเร็จบ้าง น้องๆจะได้นำมาเป็นแนวทางและปรับใช้กับตัวเองได้นะคะ

4. รวบรวมสิ่งที่มีอยู่เดิม จากการสอบครั้งที่แล้ว

ชีทติว ชีทสรุป แบบฝึกหัดทบทวนต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้ในการสอบครั้งนี้ อยากให้น้องๆรวบรวมเอาไว้ก่อนนะคะ อย่าพึ่งรีบทิ้ง เพราะหลายๆวิชายังสามารถใช้เนื้อหาเดิม แบบฝึกหัดเดิมได้ แถมยังลดระยะเวลาในการเตรียมตัวสอบได้อีกด้วย

5. ศึกษาข้อมูลการสอบครั้งหน้า ให้ครอบคลุมมากที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นระบบการสอบ รูปแบบการสอบ เกณฑ์คะแนน เงื่อนไขในการรับสมัครต่างๆ ต้องศึกษาให้ดีเลยนะคะ เพราะมักจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเลย

**สำหรับน้องๆ เด็กซิ่ว66 นี้ ทางทปอ.ได้ประกาศเรื่อง “การใช้คะแนนสอบเก่า” ออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า

  • รอบที่ 1 Portfolio : ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยกำหนด
  • รอบที่ 2 Quota : ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยกำหนด
  • รอบที่ 3 Admission : ไม่สามารถใช้คะแนนสอบเก่าได้ จะต้องสอบใหม่ทั้งหมด ได้แก่ TGAT , TPAT และ A-Level

และน้องๆสามารถดูข้อมูลข่าวสารของ TCAS66 เพิ่มเติม ได้ ที่นี่ เลยนะคะ พี่ได้รวบรวมไว้ให้ทั้งหมดแล้ว

6. ปรึกษาจากรุ่นพี่ ผู้มีประสบการณ์มาก่อน

การที่เราขอคำแนะนำ หรือการชี้แนะแนวทางจากผู้ที่มีประสบการณ์มาก่อน จะช่วยให้น้องๆสามารถมองเห็นทางออกของปัญหา และมีมุมมองที่กว้างมากยิ่งขึ้นได้ แต่ก็จะต้องกลั่นกรองให้ดีด้วยนะคะ เพราะปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราควรนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเอง มากกว่าการทำตามแบบเป๊ะๆเลยทันที

***น้องๆสามารถทักมาพูดคุย ปรึกษาปัญหา หรือขอคำแนะนำเพิ่มเติม กับพี่ๆทีมงาน SMP NEWS ได้ทันที คลิกเลย  พี่ๆพร้อมตอบน้องทุกเรื่องเลยนะคะ

7. ตั้งเป้าหมายใหม่

ตัดสินใจให้ดีว่า เป้าหมายใหม่ในครั้งนี้ จะเป็นมหาวิทยาลัยอะไร คณะไหน สาขาอะไร เมื่อเราตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนได้แล้ว เราก็จะสามารถโฟกัสการเตรียมตัวสอบได้อย่างถูกจุดและไม่เสียเวลากับสิ่งที่ไม่ใช่อีกด้วย

8. วางแผนให้รอบคอบ

เมื่อเรามีเป้าหมายที่มั่นคงแล้ว เราก็จะต้องวางแผนให้ดีและรอบคอบ เพื่อให้เป้าหมายที่เราตั้งไว้นั้น สำเร็จได้ แต่ก็จะต้องเป็นแผนที่สามารถทำได้จริง เข้ากับตัวเอง และไม่หักโหมจนเกินไปด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถทำได้นาน และสุดท้ายเราจะกลายเป็นคนที่ไม่มีวินัยไปเลย ดังนั้น ในการจัดตารางอ่านหนังสือ ตารางการเรียนพิเศษต่างๆ ก็ควรที่จะคิดให้ดีตั้งแต่ต้น เพราะถ้าหากเราพลาดตั้งแต่จุดเริ่มต้นแล้ว ก็อาจจะไม่เหลือเวลามากพอให้เราเริ่มใหม่ได้เลยนะคะ

9. ตั้งเป้าหมายในแต่ละวัน

ถึงแม้ว่าเราจะมีแผนในการเตรียมตัวสอบแล้ว แต่การทำ To-Do List  จะช่วยให้น้องๆรู้ตารางของตัวเองว่า ในแต่ละวันจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เราสามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ และยังช่วยให้น้องๆไม่ลืม หรือตกหล่นสิ่งที่สำคัญ เช่น วันนี้จะต้องอ่านวิชาชีวะให้จบ บทที่ 5 และทำแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษหน้าที่ 112 ให้เสร็จ เป็นต้น

10. เรียนพิเศษเพิ่มเติม

ถ้าน้องๆรู้สึกว่า วิชาไหนที่พยายามอ่านเองก็แล้ว ฝึกฝนด้วยตัวเองก็แล้ว ยังไงก็ไม่สำเร็จซะที พี่ก็อยากแนะนำให้ลองออกไปศึกษาหาความรู้นอกห้องเรียนเพิ่มเติมดูนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนพิเศษเสริม หรือการเรียนรู้จากอินเทอร์เน็ตอีกมากมายเลย  แต่สิ่งที่สำคัญในการเรียนพิเศษคือ การหาติวเตอร์ที่เข้ากับตัวเอง เช่น สไตล์การสอน วิธีการพูด เนื้อหาการเรียน เป็นต้น ไม่อย่างนั้นจะเสียเงิน และเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ได้เลยนะคะ

(แอบกระซิบ) สำหรับน้องๆคนไหนที่สนใจอยากจะเรียนพิเศษ วิชาคณิตศาสตร์  สามารถดู คลิปติวฟรี!! ใน Youtube ของพี่ปั้น SmartMathPro ได้เลยนะคะ แต่สำหรับน้องๆคนไหนที่ต้องการจะสมัครเรียน แต่ไม่รู้จะลงคอร์สไหนดี ก็สามารถมา ทดลองเรียนฟรี!! ก่อนได้เช่นกันนะคะ พี่ทุกคนยินดีต้อนรับน้องๆมากเลยค่ะ^_^

11. ทำให้เต็มที่ ตั้งใจให้จริง

“ทุกการเริ่มต้นใหม่ มักยากเสมอ” พี่ก็ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจที่จะส่งไปถึงน้องๆเด็กซิ่วทุกคนนะคะ ถ้าเกิดรู้สึกเหนื่อย ท้อ หมดไฟ ก็พักไปตั้งหลักก่อนเนอะ แล้วค่อยกลับมาสู้ต่ออย่างเต็มที่ เพราะถ้าหากน้องๆไม่ตั้งใจให้จริง ความฝันและเป้าหมายในครั้งนี้ก็อาจจะหลุดมือไปได้นะคะ พี่เชื่อว่า ความอดทนและพยายามจะทำให้น้องๆสำเร็จได้อย่างแน่นอนค่ะ

12. คอยเช็กตัวเองอยู่เสมอ

หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญมากและคนส่วนใหญ่มักจะลืมกันเลยก็คือ การเช็กตัวเอง ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันตรงตามแผนที่วางเอาไว้อยู่ไหม เรากำลังออกนอกทางหรือเปล่า ตอนนี้เวลาเหลืออยู่เท่านี้ทันไหม เป็นต้น เพราะถ้าหากเราไม่เคยตรวจสอบสิ่งเหล่านี้เลย กว่าจะรู้ตัวว่าเราพลาด ก็มักจะสายเกินแก้แล้วนั่นเอง

ประสบการณ์ “ซิ่วไปทันตะ” จากรุ่นพี่

สวัสดีค่ะน้องๆทุกคน พี่ชื่อ “ปลา” นะคะ ปัจจุบันเรียนอยู่คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชั้นปีที่ 3 และได้ซิ่วมาจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ค่ะ

Q : ทำไมถึงตัดสินใจซิ่ว?

A : “ทันตแพทย์” เป็นคณะในฝันของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วค่ะ แต่พอผลคะแนนสอบออกมาแล้ว ก็อยู่ในเกณฑ์ที่โอเคเลยนะคะ พอจะลุ้นทันตะได้อยู่ ตอนนั้นพี่ก็เลยเลือก อันดับที่ 1 คณะทันตแพทยศาสตร์ และ อันดับที่ 2 คณะเภสัชศาสตร์ สุดท้ายพี่ก็ติดเภสัชค่ะ

และพอได้เข้าไปเรียนปี 1 ในคณะเภสัชศาสตร์ พี่ก็รู้สึกว่าอยากลองพยายามอีกสักครั้งหนึ่ง ก็เลยลองเปิดใจคุยกับที่บ้านเรื่องซิ่วดูค่ะ ที่บ้านก็โอเคกับการตัดสินใจของเรานะคะ อีกอย่างคือ เพื่อนในคณะก็อยากจะซิ่วกันเยอะมาก ทำให้เราเลือกที่จะสู้เพื่ออนาคตของตัวเองอีกสักครั้งว่า ทันตะ จะใช่ที่ของเราจริงๆไหม

Q : ซิ่วอยู่บ้าน หรือ ซิ่วไปเรียนไป ?

A : พี่เลือกซิ่วไปเรียนไปค่ะ เพราะพี่อยากจะนำความรู้จากการเรียนมหาวิทยาลัยไปใช้ในการสอบครั้งใหม่ด้วย แต่มันอาจจะไม่ได้ช่วยโดยตรงนะคะ อย่างเภสัชก็จะมีการเรียนวิชาเคมี ชีวะ ที่เนื้อหาการเรียน ข้อสอบลึกมากกว่าตอนมัธยมเยอะเลย ทำให้เราเข้าใจในเนื้อหาและหลักการของวิชาเหล่านี้ได้ดีมากกว่าตอนมัธยม พอเราเข้าใจจริง ไม่ได้จำแบบผิวเผิน ทำให้การสอบครั้งใหม่ของเราใช้ความเข้าใจไม่ใช่การท่องจำเหมือนที่ผ่านมานั่นเอง อย่างตัวพี่ก็ได้คะแนนสอบวิชาเคมีดีขึ้นจากการเรียนในมหาวิทยาลัยนี่แหละค่ะ

แต่เพื่อนพี่ที่เลือกซิ่วอยู่บ้าน หรือดรอปเรียนไปเลยก็มีเยอะนะคะ เพราะพวกเขากลัวว่าตัวเองจะเตรียมตัวสอบครั้งใหม่ได้ไม่เต็มที่ ก็เลยตัดสินใจออกมาตั้งใจทุ่มเวลาทั้งหมดให้ไปเลยค่ะ ดังนั้น พี่อยากแนะนำน้องๆว่า สุดท้ายเราต้องเข้าใจธรรมชาติของตัวเองก่อนว่า เราเป็นคนแบบไหน วิธีไหนที่เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด อย่างพี่เอง รู้ตัวเลยว่า ตัวเองเป็นคนที่ต้องใช้แรงกดดันถึงจะทำออกมาได้ดี ก็เลยเลือกวิธีซิ่วไปเรียนไป เพื่อกระตุ้นให้ตัวเองกระตือรือร้นในการเรียนอยู่ตลอดเวลานั่นเองค่ะ

Q : เตรียมตัวยังไงบ้าง?

A : เริ่มจากวิเคราะห์ตัวเองในการสอบปีที่แล้วก่อนว่า เราพลาดตรงไหน วิชาไหนที่ไม่ได้บ้าง ก็จะโฟกัสวิชานั้นๆเป็นพิเศษไปเลย และไปหาคอร์สเรียนพิเศษเพิ่มเติม เช่น คณิตศาสตร์ ตอนนั้นพี่ก็ไปลงเรียนกับ พี่ปั้น SmartMathPro นี่แหละค่ะ เพราะพี่รู้จักอยู่แล้ว เรียนตั้งแต่ม.6 เลย แต่ตอนนั้นพี่ดันมาเรียนตอนที่ใกล้สอบมากๆแล้ว ทำให้เรียนไม่ทัน บวกกับเลือกเรียนแค่คอร์สสั้นๆด้วย ซึ่งพอพี่ซิ่วแล้ว ก็มีเวลากลับมาเรียนอย่างจริงจังมากขึ้นอีกครั้งหนึ่งค่ะ

โดยมีวิธีการแบ่งเวลาคือ เมื่อเลิกเรียนที่มหาวิทยาลัยแล้ว ก็จะไปเรียนพิเศษทันที หลังจากนั้นก็ไปอ่านหนังสือตามคาเฟ่ต่างๆจนถึงสามทุ่ม แล้วค่อยกลับบ้าน ทำแบบนี้เป็นประจำเลย

ซึ่งพี่คิดว่า วิธีการเตรียมตัวสอบสำหรับเด็กซิ่วที่ดีที่สุดคือ “วิธีที่พอดีกับตัวเอง” เพราะเราต้องเริ่มต้นจากการรู้จักตัวเองให้ดีที่สุดก่อน ดูว่าตัวเองเหมาะกับวิธีไหน รูปแบบไหน ก็จะทำให้เราค้นพบวิธีที่ใช่และดีที่สุดสำหรับตัวเราเองนะคะ ซึ่งตัวพี่เองก็จะเป็นคนที่เน้นการเรียนพิเศษเพิ่มเติม และฝึกฝนทำโจทย์ควบคู่ไปด้วยเรื่อยๆนั่นเองค่ะ

Q : มีความกลัวหรือกังวลอะไรบ้าง? รับมือยังไง?

A : กลัวที่สุดคือ กลัวว่าจะสอบไม่ได้ กลัวการจับปลาสองมือค่ะ แต่พี่ก็รับมือกับความรู้สึกนี้ ด้วยวิธีการวางแผนและค้นคว้าหาข้อมูล ซึ่งการที่เราเรียนปี 1 ทางมหาวิทยาลัยก็จะมีการแจกหลักสูตรการเรียนมาให้ว่า แต่ละปีต้องเรียนอะไรบ้าง ต้องลงเรียนกี่วิชา ซึ่งพี่ก็จะเลือกเรียนวิชาที่ได้เกรดเอไม่ยาก เพื่อเป็นการรักษาเกรดเฉลี่ยของปี 1 ไว้ เผื่อในกรณีที่เราซิ่วแล้วสอบไม่ติดจริงๆ ก็จะได้เรียนเภสัชต่อไหว หรือถ้าช่วงไหนมหาวิทยาลัยใกล้สอบ พี่ก็จะพักการอ่านหนังสือเตรียมซิ่วไปก่อนเลย แล้วมาโฟกัสการสอบในมหาวิทยาลัยก่อน

และในช่วงเทอม 2 ก็เป็นช่วงที่ใกล้กับการสอบครั้งใหม่ของเด็กซิ่ว พี่ก็จะเลือกลงเรียนไม่กี่ตัวเท่านั้น เพื่อเอาเวลาไปเตรียมตัวสอบให้เต็มที่ที่สุด ซึ่งก็มีความกังวลในตอนแรกว่า จะสอบไม่ติด แต่ยิ่งใกล้วันสอบจริง พี่กลับคิดแค่ว่า ถ้าไม่ติดก็ไม่เสียใจมากขนาดนั้นแล้ว เพราะพี่ได้ทำเต็มที่ที่สุดแล้วจริงๆ ปล่อยใจให้สบายๆดีกว่า ถ้าไม่ติดจริงๆก็เรียนเภสัชต่อไป เพราะเรามีการวางแผนสำรองเอาไว้แล้ว เพียงแค่ทำตามแผนที่วางไว้ให้ดีที่สุดก็พอค่ะ

Q : เคยหมดไฟ หมดกำลังใจ บ้างไหม? จัดการยังไง?

A : มีอยู่แล้วค่ะ พี่เคยคิดว่า เราก็มีที่เรียนอยู่แล้วนะ ไม่ต้องสอบใหม่ดีไหม แต่สุดท้ายพี่ก็มานั่งคิดว่า ถ้าล้มเลิกความตั้งใจตอนนี้ ก็น่าเสียดายมาก เพราะเราได้เริ่มต้นไปแล้ว เสียทั้งเงินทั้งเวลา อีกไม่กี่เดือนก็จะสอบแล้วด้วย เราต้องไปให้สุดและทำตามแผนที่วางไว้ให้เต็มที่ดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาเสียดายทีหลัง

Q : แชร์เทคนิค ซิ่วยังไงให้สอบติด ?

A : เอาจริงๆ ตอนนั้นพี่เองก็ไม่รู้หรอกนะคะ ว่าจะสำเร็จจริงไหม  แต่พี่ก็ใช้วิธีการหาข้อมูลให้มากที่สุด ปิดจุดอ่อนของตัวเองให้มากที่สุด ศึกษาหาข้อมูลเยอะๆ ทั้งจากอินเทอร์เน็ตและคนรอบตัว เช่น ทำข้อสอบไม่ได้ อ่านหนังสือไม่เข้าใจ ก็ลองไปปรึกษารุ่นพี่หรืออาจารย์ เพิ่มเติมได้

ซึ่งพี่ก็เลือกใช้วิธีการเตรียมตัวสอบที่เหมาะสมกับตัวเอง เต็มที่ในส่วนที่เรามีโอกาสให้มากที่สุด อย่าเครียดมากจนเกินไป ใช้ชีวิตบ้าง อย่างตัวพี่เองก็ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยเหมือนกับเด็กทั่วไปเลยนะคะ ส่วนการเตรียมตัวสอบ เราก็ทำตามเป้าหมาย วางแผน และใช้ชีวิตให้มีความสุข เพราะต่อให้เราเสียใจ แต่มันจะเป็นความเสียใจที่เราได้ทำเต็มที่ที่สุดแล้วค่ะ

Q : ซิ่วติดคณะในฝันแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง?

A : ตอนที่พี่รู้ผลว่าสอบติดแล้ว ดีใจมากๆเลยนะ ดีใจกับตัวเองที่ทำสำเร็จแล้ว เพราะฝันอยากเข้าคณะนี้มานานมาก สุดท้ายก็สำเร็จสักที ความพยายามที่ผ่านมาไม่สูญเปล่าเลย แต่พอได้เข้ามาเรียนคณะในฝันจริงๆแล้ว รู้เลยค่ะว่า สิ่งที่คิดกับความเป็นจริงไม่เหมือนกันเลย เหมือนเราก็รู้นะว่าจะต้องเรียนหนัก ต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่ความจริงแล้วมันหนักกว่าที่คิดอีกนะคะ แต่จะทำยังไงได้เนอะ “มันเป็นความยากที่เราเลือกเอง” เราก็ต้องรับให้ได้ แล้วสู้ให้สุดแรง แค่นั้นเลยค่ะ

Q : อยากฝากอะไรถึงน้องๆบ้าง?

A : พี่อยากให้น้องๆลองเปิดมุมมองกว้างๆว่า การที่เราพลาดคณะในฝันไปนั้น เราได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งนี้บ้าง และสิ่งนี้สามารถนำไปปรับใช้ในอนาคตได้อย่างไรบ้าง อย่าไปโทษตัวเองเลยนะคะ เราสามารถสร้างโอกาสครั้งใหม่ให้ตัวเองได้เสมอ ที่สำคัญคือ ถ้าเลือกจะซิ่วแล้ว สุดท้ายไม่ติด จะเสียใจไหม จะยอมรับได้ไหม ต้องคิดให้ดีๆก่อนตัดสินใจนะคะ แต่ถ้ามั่นใจว่าคิดดีแล้ว ก็ตั้งใจให้เต็มที่เลย เพราะความเสียใจเป็นสิ่งที่น่ากลัว และไม่มีใครอยากจะสัมผัสความรู้สึกนี้อยู่แล้ว วางแผนให้ดี จัดตารางชีวิตให้ดี ไม่จมอยู่คนเดียว ลองไปปรึกษาหรือขอมุมมองจากคนอื่นบ้าง แล้วพยายามทำทุกอย่างตามที่วางแผนเอาไว้ให้ดีที่สุดก็พอค่ะ ไม่ว่าน้องๆจะซิ่วหรือเลือกทางเดินไหนก็ตาม พี่ก็ขอให้น้องๆโชคดีกับเส้นทางที่เลือกนะคะ สู้ๆค่ะ

สุดท้ายนี้ พี่เอิธ SMP NEWS ก็ขอส่งกำลังใจให้กับน้องๆเด็กซิ่วทุกคนเลยนะคะ พี่เชื่อว่า การเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้ จะดีกว่าครั้งก่อนแน่น่อนค่ะ เพียงแค่น้องๆเชื่อมั่นในตัวเอง และมุ่งมั่นตั้งใจให้เต็มที่ เป้าหมายอยู่แค่เอื้อมแน่นอนเลย สู้ๆนะคะ พี่เป็นกำลังใจให้เสมอ^_^

บทความแนะนำ