สายศิลป์ เรียนหมอได้มั้ย ยื่น TCAS ได้รอบไหนบ้าง

มีน้อง ๆ คนไหนรู้สึกอยากเปลี่ยนสายตอนเข้ามหาลัยฯ บ้าง ? สำหรับน้อง ๆ สายวิทย์คณิตถ้าอยากจะเปลี่ยนไปเข้าคณะสายอื่นก็สามารถทำได้ไม่ยากเพราะส่วนใหญ่คณะสายศิลป์ เช่น คณะกลุ่มสังคม หรือ คณะกลุ่มภาษา จะไม่ได้กำหนดสายการเรียน

ส่วนน้อง ๆ สายศิลป์ ถ้าอยากเปลี่ยนไปเรียนสายวิทย์อื่น ๆ ก็อาจจะมีโอกาสสมัครได้ในคณะ / มหาลัยฯ ที่ไม่ได้กำหนดสายการเรียน แต่ทีนี้ถ้าอยากจะเรียนหมอล่ะ จะสมัครได้หรือเปล่า ? หรือจำกัดให้แค่สายวิทย์เท่านั้น 

จริง ๆ แล้วสมัครได้น้าา แถมยังสมัครได้หลายวิธีเลย ซึ่งวันนี้พี่จะพาทุกคนไปดูพร้อมกันว่า ถ้าเด็กสายศิลป์อยากเรียนหมอ จะทำยังไงได้บ้างแถมพี่ยังมีเทคนิคเตรียมสอบและสรุปสิ่งที่น้อง ๆ ต้องรู้ก่อนเลือกเรียนหมอด้วยย

คำถามนี้น่าจะเป็นคำถามที่น้อง ๆ หลายคนสงสัย เพราะคิดว่าคนที่เรียนหมอได้ก็จะมีแค่คนที่จบสายวิทย์คณิตเท่านั้น แต่ปัจจุบันไม่ใช่แบบนั้นแล้วน้าาา เพราะตั้งแต่ กสพท 67 เป็นต้นไป กสพท ประกาศเกณฑ์ใหม่ทำให้น้อง ๆ สามารถยื่นคะแนนในรอบ 3 แล้วเรียนต่อคณะสายหมอได้แบบไม่จำกัดสายการเรียนเลย ทั้งคณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์

ซึ่งสัดส่วนคะแนนและวิชาที่ต้องสอบพี่ก็สรุปมาให้แล้ว สำหรับรอบนี้ จะใช้เกณฑ์เดียวกันหมดน้า ไม่ว่าน้อง ๆ จะเรียนวิทย์หรือสายศิลป์มาาา

สัดส่วนคะแนนกสพท

นอกจากรอบ 3 กสพทแล้ว ยื่นรอบไหนได้อีก ?

รอบอื่นนอกจากรอบ 3 แล้ว ถ้าอยากรู้ว่ายื่นได้มั้ย หรือต้องใช้คะแนนสอบอะไรบ้าง พี่แนะนำให้ลองดูคุณสมบัติของแต่ละโครงการที่เปิดรับ ถ้าไม่มีกำหนดว่าต้องเรียนสายวิทย์ น้อง ๆ ก็สามารถยื่นได้เลย

โดยเกณฑ์พิจารณาก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโครงการอะไร และน้อง ๆ มีคุณสมบัติตรงตามที่มหาลัยฯ กำหนดมั้ยนั่นเอง ซึ่งวันนี้พี่จะขอยกตัวอย่างโครงการคณะแพทย์ที่เด็กสายศิลป์สามารถสมัครได้มาให้ดูกันคร่าว ๆ น้า

ตัวอย่างรอบ 1 Portfolio

คณะแพทยศาสตร์ ม.เกษตรฯ
โครงการช้างเผือก

เกณฑ์การรับ

  • กำลังศึกษาหรือสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า
  • ผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (GPAX) 5 ภาคเรียน ไม่ต่ำกว่า 3.50
  • คะแนนเฉลี่ยรายวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์, คณิตศาสตร์ , ภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย, สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่มหาลัยกำหนดไว้
  • Portfolio ที่รวบรวมผลงานต่าง ๆ
  •  Statement of Purpose (SOP)
  •  ผลคะแนนภาษาอังกฤษ , ผลคะแนน BMAT

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม. มหิดล
โครงการหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต

เกณฑ์การรับ

  • สำเร็จการศึกษาหรือกำลังศึกษาในหลักสูตรแกนกลางหรือนานาชาติ
  • มีผลการเรียนเฉลี่ย ไม่น้อยกว่า 3.50 และผลการเรียนเฉลี่ยรายวิชาตามที่ไม่กำหนดไม่น้อยกว่า 3.50
  • Portfolio ที่รวบรวมผลงานต่าง ๆ
  • ผลคะแนนสอบวัดความรู้ด้านภาษาอังกฤษ, หรือ BMAT หรือ A-Level หรือ IB higher level หรือ AP subject test

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

ตัวอย่างรอบ 2 Quota

คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น
โครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบทกลุ่มแพทย์เพื่อชุมชน (CPIRD) และ โครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบทกลุ่มลดความเหลื่อมล้ำ (Inclusive)

เกณฑ์การรับ

  • ต้องสำเร็จการศึกษาในปีปัจจุบัน
  • สอบวัดความรู้ด้านต่าง ๆ ที่จัดสอบโดยมหาลัยฯ และต้องมีคะแนนขั้นต่ำตามที่กำหนด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่
โครงการ การรับนักเรียนโควตาภาคเหนือฯ

เกณฑ์การรับ

  • เป็นผู้กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยมีสถานภาพเป็นนักเรียนติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปี ในสังกัดโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตพัฒนาภาคเหนือ
  • มีคะแนน A-Level คณิต 1, ฟิสิกส์,เคมี, ชีววิทยา, สังคมศึกษา, ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

ส่วนรอบ 4 มีโอกาสที่จะเปิดรับในรอบนี้น้อยมาก ๆ ถ้าดูจากปีที่ผ่านมา เลยไม่ค่อยมีตัวอย่างเกณฑ์การรับคณะแพทยศาสตร์มาให้ดูเท่าไร แต่พี่ก็จะแนะนำคล้ายกับรอบ 1,2 เลยคือให้น้อง ๆ รอดูคุณสมบัติที่ทางมหาลัยฯ กำหนดว่าสามารถยื่นคะแนนได้ทุกสายมั้ยยยย

เด็กสายศิลป์อยากเรียนหมอ เริ่มเตรียมตัวยังไงดี ?

สำหรับการเตรียมตัวสอบหมอของน้อง ๆ สายศิลป์ อาจจะต้องอ่านหนังสือหนักหน่อยน้าา เพราะบางวิชา อย่างเช่น คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เราไม่ได้เรียนมาเข้มข้นอย่างเพื่อนสายวิทย์ พี่แนะนำให้น้อง ๆ ลองจัดตารางอ่านหนังสือและแบ่งเวลาดี ๆ

โดยอาจจะเริ่มจากวิชาที่ไม่ถนัดที่สุด เพื่อให้มีเวลาทบทวนและฝึกทำโจทย์เยอะ ๆ ส่วนวิชาไหนที่ถนัดก็อาจจะเอาไว้ทีหลัง หรือถ้าใครอยากจะมีกำลังใจอ่านหนังสือมากขึ้น ก็อาจจะเริ่มจากวิชาที่เราถนัดก่อนแล้วค่อยสลับอ่านวิชาที่เราไม่ถนัด ซึ่งขึ้นอยู่กับเทคนิคและความสะดวกในการอ่านหนังสือของทุกคนเลยย

ถ้าใครยังคิดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี และอยากได้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการอ่านหนังสือ ก็สามารถคลิกไปดูบทความเตรียมตัวสอบหมอที่พี่ทำไว้และเอาไปปรับใช้ในเวย์ของตัวเองได้เลยน้าา >> 3 วิธีเตรียมสอบแพทย์ใน 1 ปีให้พร้อมก่อนใครที่ Dek68 ไม่ควรพลาด

สิ่งที่เด็กสายศิลป์ต้องรู้ ก่อนเลือกเรียนหมอ

ต้องขอบอกก่อนว่า ในหัวข้อที่ลิสต์มาให้ พี่ไม่ได้จะมาตัดกำลังใจทุกคนน้าาา แต่อยากแชร์สิ่งที่คนเรียนหมอจะต้องเจอเพื่อให้น้อง ๆ ได้ลองทบทวนความชอบของตัวเองกันดูว่าพร้อมลุยมั้ย จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน !!

1. วิชาที่ต้องสอบส่วนใหญ่เป็นของสายวิทย์
อย่างที่พี่บอกไปในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่าน้อง ๆ จะต้องทบทวนวิชาที่เราไม่ได้เรียนมาแน่นเท่าสายวิทย์อย่างวิชา คณิต, ฟิสิกส์, เคมี, ชีวะ ซึ่งวิชาพวกนี้เป็นวิชาที่สายวิทย์เรียนอยู่แล้ว 

ทำให้เมื่อทบทวนหรือฝึกทำโจทย์ต่าง ๆ ก็อาจจะคล่องกว่าสายศิลป์ที่เรียนวิทย์พื้นฐาน ซึ่งจะทำให้น้อง ๆ ต้องเรียนหรืออ่านหนังสือในวิชาเหล่านี้หนักขึ้น เพื่อที่จะไปสอบแข่งขันกับคนที่เรียนสายวิทย์มาได้

2. การแข่งขันสอบเข้าหมอสูง
ถ้าดูจากสถิติของ กสพท ในแต่ละปี จะเห็นได้เลยว่าจำนวนคนสมัครเข้าคณะแพทย์ รอบ กสพท ค่อนข้างเยอะ รวม ๆ แล้วเป็นหลักหมื่น แต่น้อง ๆ รู้มั้ยว่าจำนวนรับรอบ 3 กสพท คณะแพทยศาสตร์ มีแค่ 1,172 ที่นั่งเท่านั้น รวมไปถึงบางโครงการของรอบ 1 หรือ รอบ 2 ด้วย เพราะเปิดรับน้อยกว่ารอบ 3 แถมเกณฑ์พิจารณาก็เยอะกว่ารอบ 3 เพราะไม่ได้เลือกจากคะแนนสอบอย่างเดียว ถือว่ามีอัตราการแข่งขันที่สูงมาก ๆ เลย

3. เนื้อหาการเรียนที่ลึกกว่าม.ปลาย
ตอนที่สอบเข้ามา เนื้อหาจะเป็นหลักสูตรที่ไม่ออกนอกเหนือจากหลักสูตรของม.ปลาย หรือเรียกว่าเป็นความรู้สำหรับเด็กม.ปลายนั่นเอง แต่เมื่อก้าวเข้ามาเรียนในคณะแพทยศาสตร์จริง ๆ แล้ว แน่นอนว่าเนื้อหามันก็ต้องลึกขึ้น ยากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้น้อง ๆ จะไม่ได้แค่นั่งเรียนจากหนังสืออย่างเดียว แต่จะได้ทำ lab รวมถึงเรียนวิชากายวิภาคจากร่างของอาจารย์ใหญ่ด้วย

4. เวลาเรียนที่มากกว่าคณะอื่น
คณะแพทยศาสตร์ เป็นหนึ่งในไม่กี่คณะที่ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 6 ปี ในขณะที่คณะอื่น ๆ ทั่วไปจะใช้เวลาเรียนแค่ 4 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ในระหว่างเรียน น้อง ๆ ก็ยังต้องไปฝึกงานควบคู่ไปกับการเรียน ทำให้เรียนหนักมากนั่นเอง

5. การฝึกงานในโรงพยาบาล
สำหรับคณะแพทย์นั้นจะเริ่มให้ฝึกงานที่โรงพยาบาลจริง ๆ ตั้งแต่ปี 4 เลยทีเดียว นั่นหมายความว่าน้อง ๆ จะมีเวลาเรียนรู้ในรั้วมหาลัยฯ แค่ 3 ปี ดังนั้นน้อง ๆ จะต้องอ่านหนังสือและเจอกับการสอบที่เข้มข้นมาก เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนลงสนามไปเจอกับคนไข้จริง

ถ้าใครอ่านแล้วรู้สึกว่าไหว ใจรักจริง ๆ อยากลองสู้ดูสักตั้ง พี่ก็ขอเอาใจช่วยเต็มที่เลย ที่ผ่านมาก็มีรุ่นพี่สายศิลป์ที่สามารถสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ได้เหมือนกัน ขอแค่น้อง ๆ มีความตั้งใจ มุ่งมั่นในการอ่านหนังสือและทบทวนบทเรียน ไม่ว่าจะเรียนสายอะไรมา พี่เชื่อว่าทุกคนจะสามารถทำเป้าหมายให้สำเร็จได้อย่างแน่นอนนน

ถ้าใครยังมีความกังวล และไม่รู้จะเริ่มยังไง อาจจะเริ่มจากทบทวนวิชาที่ถนัดที่สุดดูก่อน แต่ถ้าอ่านเองแล้วรู้สึกว่าไม่ไหว เพราะต้องสอบหลายวิชา พี่ขอแนะนำอีก 1 ทางเลือกที่จะเป็นตัวช่วยให้กับน้อง ๆ  นั่นก็คือคอร์สเตรียมสอบหมอของ Dek68 จาก SmartMathPro ซึ่งสอนโดยพี่และติวเตอร์คนอื่น ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละวิชา สอนเนื้อหาและพาตะลุยโจทย์แบบจัดเต็ม พร้อมอัปเดตข้อสอบให้ถึงปีล่าสุด แถมยังมีเทคนิคให้อีกเพียบ น้อง ๆ สายศิลป์คนไหนอยากเตรียมตัวล่วงหน้า คลิก ไปดูรายละเอียดได้เลยน้า

คอร์สเรียน แนะนำ

บทความ แนะนำ

บทความ แนะนำ

คณะแพทย์ เรียนอะไรบ้างใน 6 ปี
คณะแพทย์ เรียนอะไร? มีสาขาไหนบ้าง? สรุปทุกคำถามที่คนอยากเรียนแพทย์ควรรู้
รีวิวการเรียนคณะแพทย์
รีวิวชีวิตของการเป็นแพทย์ ตั้งแต่เริ่มเตรียมตัวสอบ จนทำงานเป็นแพทย์ ต้องเจออะไรบ้าง ?
“เรียนหมอ” เรียนอะไรบ้าง? อยากเรียนหมอ ต้องเตรียมตัวยังไง?
"เรียนหมอ" เรียนอะไรบ้าง? อยากเรียนหมอ ต้องเตรียมตัวยังไง?
สรุป TPAT1 กสพท67 ฉบับอัปเดตล่าสุด
กสพท คืออะไร? ต้องสอบอะไรบ้าง? อัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับ กสพท!!
เตรียมตัวอ่านหนังสือ TCAS68 ยังไงให้สอบติด
TCAS68 อยากสอบติด เตรียมตัวอ่านหนังสือยังไง? Dek68 ควรอ่าน
Dek68 จะสอบเข้ามหาลัยฯ ต้องเตรียมตัวยังไง ?
Dek68 จะเข้ามหาลัยฯ ควรเริ่มยังไง? สรุปทุกขั้นตอนควรรู้ของ TCAS68

สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ Line : @smartmathpronews

รวมถึงข่าวสารต่าง ๆ อัปเดตอย่างเรียลไทม์

FB : Pan SmartMathPro ติวคณิต By พี่ปั้น 

IG : pan_smartmathpro

Twitter : @PanSmartMathPro 

Tiktok : @pan_smartmathpro

Share