
ในที่สุด ช่วงเวลาของการเลือก แผนการเรียน ในระดับชั้นม.ปลาย ก็มาถึง ช่วงนี้น้องๆ ก็คงคิดหนักกันใช่มั้ย … ว่า เรียน จบม.3 แล้วจะเลือกเรียนสายอะไรดี ? สายวิทย์ หรือ สายศิลป์ หรืออาจจะยังไม่แน่ใจว่าแต่ละแผนการเรียนต้องเรียนอะไรบ้าง ? ซึ่งการเลือกครั้งนี้ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะพาน้องๆ ไปสู่คณะและอาชีพที่ใฝ่ฝันในอนาคตอีกด้วย
วันนี้พี่ๆ ทีม SMP เลยทำการรวบรวมและสรุปมาอธิบายให้น้องๆ เข้าใจง่าย และเจาะลึกของแต่ละสายการเรียน ไปดูเลยว่ากันเลยจะมีอะไรบ้าง !
ต้องบอกก่อนเลยว่า หลังจากเรียนจบม.3 แล้ว น้องๆ สามารถเลือกสายการเรียนได้ทั้งหมด 2 สายหลักๆ คือ สายอาชีพ และสายสามัญ
- สายอาชีพ อย่างที่รู้จักกันดีก็ในชื่อว่า ปวช. และ ปวส. ซึ่งเป็นสายเฉพาะทางและเน้นภาคปฏิบัติ
สำหรับคนที่เลือกเรียนสายนี้ น้องๆ จะได้เรียนรู้เรื่องเฉพาะทางที่ค่อนข้างแน่น มีประสบการณ์การทำงานและสามารถทำงานได้ทันทีทำงานหลังเรียนจบ เช่น สายอุตสาหกรรม, สายบัญชี หรือสายศิลปกรรม เป็นต้น - สายสามัญ ถือเป็นสายยอดฮิตของน้องๆ ม.3 หลายคน ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 3 ปี คือ ม.4 – ม.6 ซึ่งสายนี้จะเป็นสายสำหรับคนที่ต้องการเรียนเพื่อใช้ต่อยอดในการสอบเข้ามหาลัยฯ เน้นการเรียนแบบทฤษฎี มีสายการเรียนให้เลือกหลักๆ ทั้งหมด 3 สาย ได้แก่ สายวิทย์ – คณิต, สายคำนวณ และสายศิลป์ภาษา
ปล. สายการเรียนอื่นๆ ในสายสามัญก็มีเหมือนกันน้าา แต่ในบทความนี้ พี่จะพูดถึงการเรียนในสายสามัญเป็นหลัก
ถ้าน้องๆ คนไหนที่กำลังตัดสินใจจะเลือกเรียนสายเหล่านี้อยู่ มาอ่านไปพร้อมๆ กันเลยย
การตัดสินใจเลือกสายการเรียน สำคัญยังไง ?
ต่อจากหัวข้อด้านบน พี่ได้บอกว่าเป้าหมายหลักสำหรับน้องๆ ที่เลือกเรียนสายสามัญ คือ การสอบเข้ามหาลัยฯ
ดังนั้นการเลือกแผนการเรียนก็จะมีผลต่อการเลือกคณะในอนาคตด้วยเช่นกัน เพราะความเข้มข้นของวิชาที่สอน
ในแต่ละแผนการเรียนจะไม่เหมือนกัน
แม้ว่าจะได้เรียนวิชา 8 กลุ่มสาระเหมือนกัน (ภาษาไทย, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สังคมศึกษา, ภาษาต่างประเทศ, สุขศึกษาและพลศึกษา, การงานอาชีพและเทคโนโลยี และศิลปะ) เช่น สายการเรียนวิทย์ – คณิต จะได้เรียน คณิตม.ปลาย ทั้งคณิตพื้นฐานและคณิตเพิ่มเติม แต่น้องๆ สายศิลป์ภาษา จะได้เรียนเพียงคณิตพื้นฐานเท่านั้น ซึ่งเวลาสอบเข้า ถ้าต้องใช้คะแนน คณิต 1 คนที่ได้เปรียบกว่าคือ น้องที่เรียนสายวิทย์ – คณิต เพราะได้เจอเนื้อหาที่ครบ และครอบคลุม
กว่าสายศิลป์ภาษา
และอีก 1 ความสำคัญของการเลือกสายการเรียน คือ วิชาที่ได้เรียนตอนม.ปลายนั้น ถือเป็นวิชาที่ปูพื้นฐานไปในตัวก่อนเข้าเรียนมหาลัยฯ เช่น ถ้าคณะที่น้องๆ อยากเข้า มีเรียนวิชาแคลคูลัส ดังนั้นคนที่เรียนสายวิทย์ – คณิตมา ก็จะได้เรียนรู้และเข้าใจกว่าน้องที่เรียนสายศิลป์ภาษา ที่เพิ่งเคยเจอวิชาแคลคูลัสครั้งแรก
วิธีการเข้าเรียน ม.4 สายสามัญ มีอะไรบ้าง ?
1. การยื่น GPAX ของม.ต้น
ตามปกติแล้ว ถ้าโรงเรียนไหนมีครบตั้งแต่ ม.1 – ม.6 น้องๆ ส่วนใหญ่จะเลือกเรียนต่อ ม.4 ที่โรงเรียนเดิม อาจจะเพราะคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมที่เก่า หรือไม่อยากยุ่งยากกับระบบสอบเข้า ม.4 ที่ใหม่ และบางโรงเรียนก็สามารถยื่นเกรดเพื่อเข้าเรียน ม.4 ได้เลย โดยที่ไม่ต้องสอบใหม่ จึงเป็นเหตุผลให้น้องบางคนเลือกจะเรียนต่อที่เดิม (แต่บางโรงเรียน แม้ว่าน้องจะเป็นศิษย์เก่าก็ใช้วิธีสอบเข้าเช่นกันน้า)
ซึ่งการคัดเลือกโดยการใช้ GPAX แต่ละแผนการเรียนก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับทางโรงเรียนกำหนด (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์การคัดเลือกแต่ละโรงเรียน) ตัวอย่างเช่น แผนการเรียนสายวิทย์ – คณิต ต้องได้เกรด 3 ขึ้นไป,
สายการเรียนศิลป์ – คำนวณต้องได้ 2.75 ขึ้นไป และ สายการเรียนศิลป์ภาษาต้องได้ 2.50 ขึ้นไป เป็นต้น
2. การสอบเข้า
ส่วนใหญ่หลายๆ โรงเรียนจะใช้วิธีนี้ เช่น เตรียมอุดม สวนกุหลาบ มหิดลวิทยานุสรณ์ หอวัง เป็นต้น เพื่อเป็นการคัดเลือกนักเรียนใหม่ในแต่ละปี ซึ่งเนื้อหาสำหรับการสอบเข้าจะยึดจากหลักสูตร สสวท. ตามที่เคยเรียนมา แต่อาจจะปรับให้มีความซับซ้อนขึ้น โดยความยาก – ง่ายของแต่ละสายการเรียนในการสอบเข้าจะไม่เหมือนกัน
แผนการเรียน มีอะไรบ้าง ?
หลังจากอธิบายรายละเอียดกันมาบ้างแล้ว พี่จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก กับ แผนการเรียนม.ปลายว่า มีแผนการเรียน อะไรน่าสนใจบ้าง ? แล้วเรียนเกี่ยวกับอะไรเป็นหลัก ? ถ้าใครพร้อมแล้ว ไปดูกัน !
1. แผนการเรียน วิทย์ - คณิต
ไม่ต้องเดา น้องๆ ก็คงรู้ว่าแล้วว่าเป็นแผนการเรียนที่เรียนวิชาคณิต – วิทย์เป็นหลัก ส่วนวิชาที่เน้นเป็นพิเศษสำหรับแผนการเรียนนี้ คือ คณิตพื้นฐาน คณิตเพิ่มเติม ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ซึ่งแต่ละวิชาจะแตกต่างจากที่เคยเรียนตอนม.ต้น เช่น คณิตม.ต้น จะมีเนื้อหาแค่เบื้องต้นเท่านั้น แต่เมื่อได้เรียนวิชาคณิตม.ปลาย ในแผนการเรียนนี้ เนื้อหาจะเข้มข้นและเจาะลึกมากขึ้น ส่วนวิชาอื่นๆ อย่างภาษาไทย สังคม ภาษาอังกฤษ ก็ยังได้เรียนเหมือนเดิมน้าา แค่ไม่เน้นเหมือน 5 วิชาหลักเท่านั้นเองง
ตัวอย่างโครงการห้องเรียนพิเศษสำหรับแผนการเรียน สายวิทย์ – คณิต ได้แก่
1.1 Gifted เป็นโครงการที่เน้นเรียนวิชาวิทย์ – คณิต ดังนั้นเนื้อหาจะเข้มข้นกว่า เรียนชั่วโมงมากกว่าแบบห้องธรรมดา ซึ่งแต่ละโรงเรียนก็จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป ส่วนตัวอย่างโรงเรียนที่มีโครงการนี้ คือ โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย, โรงเรียนสารวิทยา เป็นต้น
1.2 ESMTE (Enrichment Program of Science Mathematics Technology and Environment) ห้องเรียนพิเศษเน้นวิชา วิทย์ คณิต เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีหลักสูตรเนื้อหาที่เข้มข้นกว่าห้องเรียนสายวิทย์ – คณิตทั่วไปเช่นกัน ส่วนตัวอย่างโรงเรียนที่มีโครงการนี้ คือ โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เป็นต้น
1.3 SMA (Science Math Ability) หลักสูตรเดียวกับห้อง Gifted แต่จะเพิ่มวิชาเทคโนโลยีและภาษาเข้าไปด้วย ส่วนตัวอย่างโรงเรียนที่มีโครงการนี้ คือ โรงเรียนมหาวชิราวุธ (สงขลา) เป็นต้น
2. แผนการเรียน ศิลป์ - คำนวณ
3. แผนการเรียน ศิลป์ - ภาษา
ชื่อของแผนการเรียนก็บอกไว้ตรงตัวเช่นกันว่า น้องๆ จะได้เรียนภาษากันแบบจัดหนัก จัดเต็ม !! ซึ่งภาษาต่างประเทศที่จะได้เรียน คือ ภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 โดยภาษาที่ 3 น้องจะต้องเลือกเองจากวิชาที่โรงเรียนมีอยู่ เช่น จีน, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, เกาหลี, สเปน, เยอรมัน ซึ่งจะเรียนควบคู่ไปกับวิชาสายศิลป์ อย่างภาษาไทยและสังคม ส่วนวิชาวิทย์ และคณิต น้องๆ ก็ยังต้องเรียนเหมือนเดิมน้า แต่จะได้เรียนคณิตและวิทย์พื้นฐาน
ป.ล. บางโรงเรียนอาจจะมีให้เลือกเรียนภาษาเยอะกว่านี้ ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียนว่าเปิดสอนวิชาอะไรบ้าง น้องๆ สามารถลองศึกษาจากหลักสูตรทางโรงเรียน หรือปรึกษาคุณครู, รุ่นพี่ดูน้าา)
พื้นฐานคณิตไม่แน่น "คอร์สปรับพื้นคณิตพิชิตม.ปลาย" ช่วยได้ !
ใครยังจำเนื้อหาคณิต ม.ต้นไม่ค่อยได้ และอยากเสริมพื้นฐานคณิตให้แน่นก่อนขึ้น ม.ปลาย แนะนำให้ลงคอร์สนี้เพราะมีสอนทั้งเนื้อหาและพาลุยโจทย์ให้พร้อมต่อยอดชั้นม.ปลายได้สบาย !!
สมัครคอร์ส คลิกเลยโครงการห้องเรียนพิเศษสำหรับแผนการเรียน สายศิลป์ภาษา ได้แก่
1.1 EP (English Program) ทุกวิชาที่ได้เรียนจะสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ยกเว้นวิชา ภาษาไทย และสังคม ส่วนตัวอย่างโรงเรียนที่มีโครงการนี้ คือ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า เป็นต้น
1.2 MEP (Mini English Program) คล้ายกับห้องเรียน EP ที่จะเน้นการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ แต่ความเข้มข้นของเนื้อหาจะน้อยกว่า ส่วนตัวอย่างโรงเรียนที่มีโครงการนี้ คือโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา เป็นต้น
1.3 IEP (Intensive English Program) เป็นห้องเรียนที่ผสมกันระหว่าง EP และ Gifted แต่เนื้อหาวิทย์-คณิตจะเข้มข้นน้อยกว่า Gifted ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียนว่ามีการจัดการเรียนการสอนแบบไหน ส่วนตัวอย่างโรงเรียนที่มีโครงการนี้ คือ โรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นต้น
นอกเหนือจาก แผนการเรียน วิทย์ - คณิต / ศิลป์ - คำนวณ / ศิลป์ภาษาแล้ว ยังมีสายอะไรอีกบ้างนะ ?
1. แผนการเรียน ไทย - สังคม
เน้นการเรียนวิชาภาษาไทยและสังคม (ศาสนา, ประวัติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, กฎหมาย, เศรษฐศาสตร์) เป็นหลัก
ซึ่งน้องๆ ที่เรียนจบจากmytสายการเรียนนี้ สามารถไปเรียนต่อคณะที่เป็นสายสังคมได้เลย เช่น คณะนิติศาสตร์,
คณะรัฐศาสตร์, คณะมนุษยศาสตร์, คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ เป็นต้น
2. แผนการเรียน ศิลป์ธุรกิจ
สายนี้เน้นเรียนวิชาสำหรับสายศิลป์เช่นกัน ทั้งภาษาไทย, สังคม, ภาษาอังกฤษ และวิชาเชิงธุรกิจด้วย เช่น การลงทุนเบื้องต้น, การจัดการธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งการเรียนสายนี้ก็สามารถยื่นเข้าคณะตามที่น้องสนใจได้เหมือนกับแผนการเรียนอื่นๆ เลย
3. แผนการเรียน ม.ปลาย รูปแบบใหม่
เป็นแผนการเรียนที่เปิดสอนนอกเหนือจากแผนการเรียนด้านบน เพื่อเป็นทางเลือกที่หลากหลายขึ้นให้กับน้องๆ แต่ละคน เลือกเรียนตามความถนัด/ความชอบของตัวเองได้เลยย
- Track แพทยศาสตร์ และกลุ่มสาขาสาธารณสุขศาสตร์
- Track วิศวกรรมศาสตร์ชีวภาพ
- Track วิศวกรรมศาสตร์
- Track วิศวกรรมหุ่นยนต์และคอมพิวเตอร์
- Track วิศวกรรมการบินและอวกาศ
- Track สถาปัตยกรรมศาสตร์
- Track บริหารธุรกิจ พาณิชยศาสตร์ บัญชี
- Track สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์
- Track อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์
- Track ศิลปกรรมศาสตร์ จิตรกรรม ประติมากรรม
- Track นิเทศศาสตร์ ภาพยนตร์ และสื่อดิจิทัล
- Track ศิลปะการอาหาร
- Track วิทยาศาสตร์การกีฬา
- Track ดนตรี - นิเทศศิลป์
- Track ดุริยางคศิลป์
ความหมายของ track คือ การนำ 3 แผนการเรียนหลัก มาแบ่งย่อยเป็นสายๆ เพื่อให้น้องๆ ได้เลือกเรียนในสิ่งที่ชอบและถนัด ที่สำคัญคือการเรียนแบบ track จะมีวิชาที่คล้ายกับคณะนั้นๆ ที่สอนในมหาลัยฯ อีกด้วย
- วิทย์-เทคโนโลยี (หุ่นยนต์)
- เตรียมวิทย์ – คอมฯ
- เตรียมแพทย์ – เภสัช
- เตรียมนิเทศศาสตร์
- เตรียมมนุษย์ – ครุศาสตร์
- เตรียมวิศวะ – สถาปัตย์
- เตรียมศิลปกรรม
- เตรียมนิติ – รัฐศาสตร์
- เตรียมบริหารธุรกิจ – บัญชี
กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- เอกวิทยาศาสตร์ - ออกแบบสร้างสรรค์
- เอกคณิตศาสตร์ ศิลป์ – คำนวณ
- เอกคณิตศาสตร์ - วิศวะ
- เอกวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์
- เอกนวัตกรรมเทคโนโลยีมัลติมีเดีย
- เอกเทคโนโลยีสารสนเทศ
- เอกวิศวกรรมดิจิทัล
กลุ่มศิลปกรรมศาสตร์
- เอกดุริยางคศิลป์
- เอกศิลปะการแสดงและภาษาเพื่อการสื่อสาร
- เอกทัศนศิลป์
- เอกออกแบบแฟชัน
- เอกออกแบบจิวเวลรี
- เอกแอนิเมชัน
- เอกดิจิทัล มีเดีย อาร์ต
- เอกภาพยนตร์ดิจิทัล
กลุ่มมนุษยศาสตร์ / อักษรศาสตร์ / ศิลปศาสตร์
- เอกอาหารการโรงแรมและภาษาเพื่อการสื่อสาร
- เอกภาษาอังกฤษ – อาเซียน
- เอกภาษาอังกฤษ – เกาหลี
- เอกพลศึกษาและภาษาเพื่อการสื่อสาร
- เอกนันทนาการและภาษาเพื่อการท่องเที่ยว
- แผนการเรียนภาษาไทย-สังคม-ศิลปะ
- แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์-ช่างอุตสาหกรรม (วิศวะ)
- แผนการเรียนศิลปกรรม
เลือกแผนการเรียน ม.ปลาย ยังไงดี ?
1. เลือกจากวิชาที่ชอบและไม่ชอบ
จริงๆ แล้วการเลือกแผนการเรียนก็คล้ายกับการเลือกคณะ แต่จะมีการจำกัดมากกว่า ถ้าใครยังไม่รู้ตัว … ว่าตัวเองชอบวิชาอะไรกันแน่ พี่แนะนำให้น้องลองเลือกจากวิชาที่ไม่ชอบก่อนก็ได้น้าา เผื่อจะช่วยให้น้องตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
2. เลือกจากคณะที่อยากเข้า หรืออาชีพที่อยากทำ
หลายคนมีคณะหรืออาชีพในฝัน บางคนอยากเป็นหมอ บางคนอยากเป็นนักบิน ถ้าน้องๆ มีคณะหรืออาชีพที่อยากเป็น
ก็อาจจะช่วยให้ตัดสินใจเลือกสายการเรียนได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ อย่างน้องๆ ที่อยากเป็นหมอ น้องๆ ต้องเข้าเรียนคณะแพทย์ และแผนการเรียนที่สามารถต่อยอดไปเป็นแพทย์ได้ นั่นก็คือแผนการเรียนวิทย์ – คณิต นั่นเอง ซึ่งบางคณะอาจมีกำหนดชัดเจน ว่าต้องจบจากสายใดสายหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นถ้าน้องๆ มีคณะที่อยากเข้า ก็สามารถเข้าไปเช็กเกณฑ์ปีก่อนๆ กันในเว็บไซต์ mytcas.com หรือเว็บไซต์คณะ / มหาลัยฯ นั้นได้น้า
3. ความสามารถ / กิจกรรมที่ชอบก็บ่งบอกแผนการเรียนได้
หลายคนอาจจะนึกถึงคณะหรือวิชาที่ชอบไม่ออก งั้นลองเปลี่ยนมาเป็น สำรวจตัวเองกันดูว่าน้องๆ มีความสามารถอะไรบ้างหรือตั้งคำถามว่ากิจกรรมที่เราทำเป็นประจำเนี่ย มีเหตุผลอะไรที่เราทำมันบ่อยๆ เป็นความชอบของเราใช่ไหม ? บางทีวิธีนี้ก็อาจจะช่วยให้น้องๆ หาเจอทั้งแผนการเรียน, คณะ จนไปถึงอาชีพที่เราอยากทำเลยก็ได้นะ ^__^
แต่ละแผนการเรียน สามารถเข้าคณะอะไรได้บ้าง ?



-
สายวิทย์ - คณิต
-
สายศิลป์ - คำนวณ
-
สายศิลป์ - ภาษา
น้องๆ น่าจะเคยได้ยินว่าสายการเรียน สายวิทย์ - คณิต สามารถยื่นสอบเข้าได้ทุกคณะ แต่จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับเกณฑ์การรับสมัครของแต่ละคณะ / มหาลัยฯ ว่ามีการจำกัดเรื่องสายการเรียนหรือไม่ ถ้าไม่มี น้องก็สามารถสอบเข้าคณะนั้นๆ ได้ตามปกติ
คณะยอดฮิตสำหรับน้องๆ แผนการเรียน สายวิทย์ - คณิตนั้น จะเป็นคณะสายวิทย์สุขภาพ (แพทยศาสตร์, ทันตแพทยศาสตร์, เภสัชศาสตร์, สัตวแพทยศาสตร์) / คณะวิศวกรรม / คณะบริหารธุรกิจ / คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี / คณะสถาปัตยกรรม เป็นต้น แต่ไม่ใช่ว่าจะเข้าได้แค่คณะเหล่านี้น้าา น้องๆ สามารถเข้าคณะที่เป็นสายศิลป์ได้ด้วย เช่น คณะนิติศาสตร์ / คณะรัฐศาสตร์ / คณะมนุษยศาสตร์ / คณะครุศาสตร์ ฯลฯ
แผนการเรียนนี้ก็สามารถเข้าคณะได้หลากหลายเช่นกัน แต่น้องๆ ต้องเช็กให้ดีว่าคณะที่อยากเข้านั้น ไม่ได้จำกัดเรื่องแผนการเรียนใช่มั้ย เพราะต่อให้น้องทำคะแนนสอบ / เกรดเฉลี่ยสูงมากแค่ไหน ก็จะโดนตัดสิทธิ์ทันที เพราะถือว่าคุณสมบัติไม่ตรง
ส่วนคณะยอดฮิตสำหรับเด็กสายศิลป์ - คำนวณนั้น จะเป็นคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี / คณะบริหารธุรกิจ / คณะเศรษฐศาสตร์ / คณะนิเทศศาสตร์ / คณะรัฐศาสตร์ / คณะนิติศาสตร์ / คณะมนุษยศาสตร์ ฯลฯ
สำหรับคนที่เรียนแผนการเรียนสายศิลป์ภาษามา การเรียนในคณะที่เน้นคณิตและวิทย์อาจจะไม่ใช่ทางสักเท่าไหร่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคณะเน้นภาษาเป็นหลัก เช่น คณะมนุษยศาสตร์ / คณะศิลปศาสตร์ / คณะอักษรศาสตร์ / คณะนิเทศศาสตร์ / คณะนิติศาสตร์ / คณะรัฐศาสตร์ / คณะศิลปกรรมศาสตร์ / คณะครุศาสตร์ ฯลฯ
ป.ล. มีน้องจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ที่เลือกเรียนแผนการเรียนสายศิลป์ภาษา แล้วเปลี่ยนใจอยากจะกลับมาเรียน
คณะสายวิทย์ – คณิต ก็สามารถทำได้เช่นกัน !!! โดยใช้วิชา คณิต 1, คณิต 2 ในการยื่นสอบเข้าคณะนั้นๆ ได้
และอีกหนึ่งคำถามยอดฮิต สำหรับหลายๆ คนที่เรียนสายศิลป์ – คำนวณ / ศิลป์ภาษาสอบหมอได้ไหม ? คำตอบคือ “ได้น้าา” โดยใช้วิธียื่นคะแนนสอบ กสพท ผ่านระบบ mytcas สำหรับน้องๆ ที่จะสอบเข้าหมอโดยไม่ใช้คะแนน กสพท ควรจะต้องเช็กเกณฑ์คุณสมบัติของมหาลัยฯ ก่อนน้าว่ามีกำหนดสายการเรียนมั้ย
ถ้าอยากเข้า แผนการเรียนนี้ต้องเตรียมตัวยังไง ?
-
สายวิทย์ - คณิต
-
สายศิลป์ - คำนวณ
-
สายศิลป์ - ภาษา
สำหรับน้องๆ ม.ต้นตัดสินใจแล้วว่าที่จะเข้าแผนการเรียนนี้ อย่างแรกคือต้องเก็บเนื้อหาตอนม.ต้นให้ดี โดยเฉพาะวิชาวิทย์ - คณิต เพื่อจะได้เป็นพื้นฐานสำหรับการเตรียมตัวเรียนตอนม.ปลายด้วย
แนะนำว่าให้น้องๆ แบ่งเวลาอ่านหนังสือสำหรับเทอมปัจจุบันและล่วงหน้าสำหรับเทอมถัดไป และฝึกทำโจทย์อย่างสม่ำเสมอ เพราะแผนการเรียนนี้ค่อนข้างจะเรียนหนัก ถ้าพื้นฐานแต่ละวิชาของน้องๆ ค่อนข้างดี มันก็จะช่วยให้น้องๆ เข้าใจบทเรียนได้ง่ายมากขึ้น ที่สำคัญคือพยายามรักษาเกรดให้ดี เพราะว่าบางโรงเรียนสามารถใช้เกรดในการยื่นเข้า ม.4 ได้เลย หากถึงเกณฑ์ที่กำหนด
การเตรียมตัวสำหรับแผนการเรียนนี้ คล้ายกับน้องๆ ที่จะเข้าสายวิทย์ - คณิตเลย แต่ต่างกันตรงวิชาที่เน้น เพราะน้องๆ ควรเน้นวิชาคณิต - ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แม้ว่าสายการเรียนนี้จะเรียนไม่หนักเท่าสายวิทย์ - คณิต แต่การเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าก็เป็นเรื่องที่ดีน้าา น้องๆ จะได้ปูพื้นฐาน และทวนความรู้ม.ต้นไปในตัว
สำหรับน้องๆ ที่รู้ตัวเองว่าอยากเรียนสายศิลป์ภาษา แนะนำให้เริ่มอ่านเนื้อหาสายศิลป์ไปก่อนอย่างวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และสังคม แต่ก็ห้ามเทวิชาวิทย์ - คณิตน้าา ไม่อย่างงั้นเกรดอาจจะหล่นได้ ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ลองขอความช่วยเหลือจากคุณครู หรือดูคลิปติวตาม youtube ก็ได้ นอกเหนือจากวิชาที่พี่บอกไปแล้ว การหาว่าตัวเองอยากจะเรียนภาษาที่ 3 เป็นภาษาอะไรก็สำคัญน้า อาจจะลองลิสต์ดูว่าชอบภาษาแบบไหนมากกว่ากัน อย่างจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, สเปน, ฝรั่งเศส, เยอรมัน สิ่งนี้ก็จะช่วยให้น้องๆ เลือกแผนการเรียนได้ง่ายขึ้นด้วย
แผนการเรียน แต่ละสาย เหมาะกับลักษณะนิสัยแบบไหน ?
-
สายวิทย์ - คณิต
-
สายศิลป์ - คำนวณ
-
สายศิลป์ - ภาษา
น้องๆ ที่อยากเรียนแผนการเรียน สายวิทย์ - คณิตนั้น ควรจะมีความถนัดเกี่ยวกับด้านการคำนวณและความจำ ถ้าใครที่ไม่ชอบตัวเลข อาจจะไม่เหมาะกับสายการเรียนนี้สักเท่าไหร่ เพราะว่าเพราะตัวเลขไม่ได้มีแค่ในคณิตเท่านั้น แต่ยังมีวิชาฟิสิกส์ เคมี ก็มีให้คำนวณเช่นกัน แล้วยิ่งวิชาชีวะ น้องๆ ก็จะได้จำกันแบบจุกๆ ไปเลย !!
ถึงแม้ว่าแผนการเรียนนี้จะดูเหมือนเรียนหนัก แต่ข้อดีก็คือเมื่อเรียนจบแล้ว น้องๆ จะสามารถยื่นเข้าคณะ / มหาลัยฯ ได้มากกว่าสายอื่นๆ แต่พี่ขอเตือน !! ถ้าใครรู้ว่าตัวเองเรียนไม่ไหวแน่ๆ พี่แนะนำให้น้องลองเลือกสายการเรียนอื่นดูดีกว่าน้า ~
แผนการเรียนนี้ไม่เหมาะสำหรับน้องๆ ที่ไม่ชอบเรียนภาษาอังกฤษ เพราะว่าสายศิลป์ - คำนวณ จะได้เรียนวิชาภาษาอังกฤษเท่าๆ กับวิชาคณิตศาสตร์ แต่ถ้าใครที่คิดว่าไม่น่าเรียนฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ไหว แต่ชอบตัวเลขแถมภาษาอังกฤษก็ได้อยู่ พี่บอกเลยว่าแผนการเรียนนี้เหมาะมาก !
ถึงแม้ว่าจะยื่นเข้าคณะได้ไม่เยอะเท่าสายการเรียน สายวิทย์ - คณิต แต่จริงๆ แล้ว ตัวเลือกก็ไม่น้อยกว่ากันเลยน้า เพราะถือว่ามีความรู้ทั้งจากวิชาสายศิลป์ แล้วก็ยังเก่งคณิตอีก พี่ว่าสามารถต่อยอดไปได้หลายทางเลย
แผนการเรียนนี้ใครที่ชอบเรียนภาษาไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาที่ 3 ก็จะได้เรียนกันแบบจัดเต็ม! นอกเหนือจากนั้น บางโรงเรียนก็ยังมีการจ้างคุณครูต่างชาติ เพื่อให้น้องๆ ได้พูดคุยกับเจ้าของภาษากันไปอีกก
ข้อจำกัดของน้องๆ สายศิลป์ภาษาคือ เมื่อคณะที่น้องๆ อยากเข้าต้องใช้วิชาสายวิทย์ - คณิต อาจจะรู้สึกท้อเมื่อต้องเตรียมตัวสอบวิชาเหล่านี้ (แต่น้องๆ ทำได้แน่นอน พี่เชื่อในตัวทุกคน !! ) แต่ข้อดีก็คือ วิชาสายศิลป์ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคม นี่แหละที่จะเป็นตัวทำคะแนนของน้องๆ เลยย
บทสรุป ก่อนเลือกสายการเรียน ม.ปลาย
สำหรับน้องๆ คนไหนที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะเลือกเรียนแผนการเรียนไหนดี พี่แนะนำให้โฟกัสที่ตัวเองเป็นอย่างแรก ตอบคำถามกับตัวเองให้ได้ว่า น้องชอบวิชาอะไร ? น้องอยากทำอาชีพอะไร ? น้องอยากเข้าคณะไหน ? เพราะการตัดสินใจเลือกครั้งนี้ มันจะส่งผลและอยู่กับน้องไปอีกหลายปี
หลังจากที่เลือกได้แล้ว อย่าลืมลองปรึกษากับคุณพ่อ – คุณแม่ เรื่องแพลนในอนาคตดูน้า เผื่อว่าจะมีคำแนะนำที่เราสามารถนำมาปรับใช้ได้ แต่ถ้าใครที่คิดว่าเวลานี้มันเร็วเกินไป ยังคิดไม่ออกว่าความชอบของน้องๆ คืออะไร ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องกดดันตัวเอง บางทีความชอบของน้องๆ อาจจะไม่ได้อยู่ในห้องเรียนอย่างเดียว ลองออกไปทำกิจกรรมหรือพูดคุยกับคนอื่นให้มากขึ้น ยังไงพี่ปั้น และพี่ๆ ทีม SMP NEWS ก็จะเป็นกำลังใจให้กับน้องทุกคนเลย …
สำหรับน้องๆ ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ Line : @smartmathpronews
รวมถึงข่าวสารต่างๆ อัปเดตอย่างเรียลไทม์
IG : pan_smartmathpro
Twitter : @PanSmartMathPro