
สวัสดีน้องๆ #Dek66 ทุกคนเลยน้าา หลังจากที่น้องๆ ได้ผ่านช่วงการสอบกันมาอย่างหนักหน่วงแล้ว อีกไม่นานก็จะใกล้เข้าสู่ช่วงของการยื่นสมัครรอบ 3 Admission และ กสพท แล้วแต่ละคนพร้อมกันมั้ยเอ่ยย ?
ในรอบ 3 Admission ที่จะเปิดรับสมัครในช่วงเดือน 7 – 13 พ.ค. 66 แต่ว่าก่อนหน้าที่จะยื่นสมัครเนี่ย น้องๆ ก็ต้องคิดคะแนนและควรลองเปรียบเทียบคะแนนของตัวเองกับปีก่อนๆ ด้วย เพื่อจะได้วางแผนสำหรับการจัดอันดับคณะที่น้องๆ อยากเข้าก่อนวันยื่นสมัครจริง > <
ซึ่งการคำนวณคะแนนของปีนี้ เมื่อเทียบกับของปีก่อนๆ ยอมรับว่าเป็นปีที่ค่อนข้างเทียบได้ยากมากๆ เพราะสนามสอบเปลี่ยนจากปีก่อนๆ รวมถึงเกณฑ์ที่ใช้ในการยื่น สัดส่วนของคะแนนที่ใช้ยื่น ก็เปลี่ยนหมดเช่นกัน แต่พี่จะไม่ยอมแพ้ !!! จะมาพยายามแนะแนวว่า ถ้าปีก่อนขั้นต่ำเท่านี้ ปีนี้คะแนนประมาณไหนถึงมีลุ้นติดได้ ซึ่งพี่ว่ามันพอมีหลักในการคาดการณ์ได้อยู่
ในบทความนี้ พี่จะพาน้องๆ ไปดูวิธีการ คิดคะแนน TCAS66 และคาดการณ์คะแนนขั้นต่ำจากปีก่อนๆ ทั้งของคณะทั่วไปและ กสพท รวมถึงมีข้อแนะนำดีๆ สำหรับทุกคนที่จะยื่นสมัครรอบ 3 Admission แต่ยังไม่หมดแค่นี้ !! พี่มีแถม Q&A ตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการคิดคะแนน TCAS66 ที่น้องสงสัยไว้ท้ายบทความอีกด้วย !!!
ก่อนที่พี่จะพาน้องๆ จะไปคาดการณ์คะแนนกัน เรามาทำข้อตกลงกันก่อนน้าา พี่จะเรียก คะแนนสอบ GAT PAT วิชาสามัญ ว่า “ระบบเก่า” และ คะแนนสอบ TGAT TPAT A-Level ว่า “ระบบใหม่” พวกเราจะได้เข้าใจตรงกันแล้วน้องก็จะได้ไม่งงด้วย โดยพี่จะแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ตามนี้
- ขั้นตอนแรก น้องจะต้องเช็กเกณฑ์คะแนนรอบ 3 ของแต่ละมหาลัยฯ คือ สัดส่วนคะแนน, GPAX (เกรดเฉลี่ยสะสม), คะแนนขั้นต่ำแต่ละวิชา ของคณะที่น้องๆ อยากเข้าว่าต้องใช้คะแนนอะไรบ้าง
- ขั้นตอนที่ 2 ให้น้องๆ เตรียมคะแนนของตัวเอง มาคำนวณคะแนนตามวิธีด้านล่างนี้ได้เลย

การคำนวณเกรด (ถ้าไม่ใช้ ข้ามได้เลยน้า)
น้องสามารถแปลงเกรดเป็น 100 โดยวิธีการนำเกรดเฉลี่ย 6 เทอมที่น้องได้คูณกับ 25 จากนั้นให้นำตัวเลขไป หารด้วย 100 แล้ว คูณ กับค่าน้ำหนักที่ทางมหาลัยฯ กำหนดไว้
ตัวอย่าง
ถ้าน้องได้เกรดเฉลี่ย 3.78
Step 1 : 3.78 * 25 = 94.5
Step 2 : (94.5/100) * ค่าน้ำหนัก
หลังจากคำนวณเกรดออกมาเรียบร้อยแล้ว ให้น้องๆ นำตัวเลขไปรวมกับคะแนนสอบอื่นๆ ได้เลยยย
การคำนวณคะแนนรอบ 3 Admission เต็ม 100 คะแนน
ให้น้องๆ นำคะแนนที่น้องๆ ได้ หารด้วย คะแนนเต็มของวิชานั้นๆ และนำไป คูณ กับค่าน้ำหนักที่เป็นเปอร์เซ็นต์ตามที่มหาลัยฯ กำหนด
ตัวอย่างที่ 1

ตัวอย่างที่ 2

ปล. สำหรับน้องๆ ที่สงสัยว่า TGAT เต็ม 100 หรือ 300 กันแน่ ? จริงๆ แล้วคะแนนทั้งหมดเต็ม 300 คะแนนค่ะ แต่ตอนที่ ทปอ. ประกาศคะแนน เขาจะมีการคิดคะแนนเต็ม 100 มาให้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นน้องๆ สามารถนำคะแนนส่วนนั้นมา หารด้วย 100 เลยย
ตัวอย่างภาพคะแนน TGAT แบบเต็ม 100

หมายเหตุ : ถ้าบางคณะไม่ได้ระบุ % เขียนแค่วิชาที่ใช้ยื่น แปลว่าใช้สัดส่วนที่เท่ากัน ให้น้องๆ นำคะแนนวิชาเหล่านั้นบวกกันแล้วหารด้วยจำนวนวิชาได้เลย เช่น คณะ A ใช้คะแนน คณิต 1, ภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย, สังคม ก็บวกกันแล้วหารด้วย 4 ได้เลย
วิธีการคำนวณคะแนนรอบ 3 กสพท เต็ม 100 คะแนน
ใช้วิธีการคิดคะแนนเหมือนกับหัวข้อด้านบน ก็คือให้น้องๆ นำคะแนนที่น้องๆ ได้ หารด้วย คะแนนเต็มของวิชานั้นๆ และนำไป คูณ กับค่าน้ำหนักที่เป็นเปอร์เซ็นต์
แต่เกณฑ์คะแนนสำหรับ กสพท มีเพียงเกณฑ์เดียวคือ TPAT1 30% + A-Level 70% (แบ่งเป็นวิทย์ 28% + คณิต 1 14% + ภาษาอังกฤษ 14% + ภาษาไทย 7% + สังคม 7%) ปล. ทุกวิชาต้องได้คะแนนอย่างต่ำ 30 คะแนน ยกเว้นวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ที่นับคะแนนรวมกัน 3 วิชา แล้วห้ามต่ำกว่า 90 คะแนน

4 ขั้นตอน คาดการณ์คะแนนขั้นต่ำ
ขอออกตัวก่อนเลยว่าหัวข้อนี้ พี่ใช้หลักการบางอย่างมาคาดคะเน รวมถึงคาดเดา เพื่อให้น้องๆ สามารถกะคะแนนขั้นต่ำในระบบใหม่ได้ อาจจะใช้ในการคำนวณได้คร่าวๆ เท่านั้นน้า
ขั้นตอนแรก : ลิสต์คณะและมหาลัยฯ ที่น้องสนใจ
ที่น้องสนใจ อยากลองยื่นที่ไหน เอาคะแนนมาให้หมด ทั้งที่อยากติดจริงๆ รวมถึงคณะสำรองด้วย … แนะนำว่าควรเป็นคณะที่น้องๆ มีข้อมูลอยู่บ้างน้า ไม่อยากให้เลือกตามใคร และอย่ายึดติดที่มหาลัยฯ จนเกินไป เช่น เลือกคณะอะไรก็ได้ ขอให้เป็นมหาลัยฯ ดังๆ ไม่เอาแบบนี้น้า > <
ขั้นตอนที่สอง : เทียบเกณฑ์คะแนนในระบบเก่าและระบบใหม่
ลิสต์ไว้ให้หมดเลยน้าทั้งเกณฑ์คะแนนต่างๆ และสัดส่วนที่ใช้ ถ้าใครสามารถหาเกณฑ์คะแนนรอบ 3 ย้อนได้ถึงปี 65 64 63 ก็ยิ่งดีเลยย จะได้เอามาเทียบกับเกณฑ์ระบบใหม่ คือ ตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป ซึ่งน้องๆ สามารถดูเกณฑ์คะแนนปี 66 ได้ที่เว็บ mytcas.com และบางคณะยังมีเกณฑ์คะแนนปี 65 พร้อมกับคะแนนขั้นต่ำของปี 65 เทียบให้ดูอีกด้วย
ขั้นตอนที่สาม : รู้วิธีการคำนวณคะแนน ว่าเต็ม 100 มาจากส่วนไหนบ้าง
ถ้าใครยังไม่ได้เตรียมข้อมูลและคำนวณคะแนนเอาไว้ สามารถย้อนขึ้นไปดูหัวข้อวิธีการคำนวณคะแนนด้านบนได้เลย
ขั้นตอนที่สี่ : ดูคะแนนขั้นต่ำของคนที่สอบติดปีก่อนๆ
จดคะแนนขั้นต่ำของแต่ละที่ที่เราจะใช้ยื่นไว้เลย โดยเฉพาะปีล่าสุด แต่พี่แนะนำว่าให้รวมไว้หลายๆ ปีน้าา (ตั้งแต่ปี 64 ก็ได้เพราะมีการปรับเนื้อหาเป็นหลักสูตรใหม่แล้ว) แต่ !! ถ้าใครหาไม่เจอ ก็ไม่ต้องกังวลเลย เพราะพี่ๆ ทีมงาน SMP รวบรวมเอาไว้ให้หมดแล้ว คลิกเลย
วิธีคาดการณ์คะแนนว่าขั้นต่ำปีนี้ และปีก่อนๆ จะสูงขึ้นหรือต่ำลงมากน้อยแค่ไหน ฉบับ พี่ปั้น SmartMathPro
Concept ในการคิด
Concept ในการคิด คือ ดูว่าปีก่อนๆ ใช้เกณฑ์ไหน แล้วปีนี้ใช้เกณฑ์ไหน หรือมีวิชาอะไรที่เปลี่ยนไป ถ้าคะแนนภาพรวมของรายวิชานั้นสูงกว่า (ทำคะแนนได้ง่ายกว่า) ก็มีแนวโน้มจะเฟ้อขึ้น แต่ถ้าวิชาไหนที่คะแนนภาพรวมต่ำกว่า (ทำคะแนนได้ยากกว่า) ก็มีแนวโน้มจะฝืดลง ทั้งนี้น้องอาจจะต้องลองคาดการณ์คร่าวๆ ว่าค่าเฉลี่ยวิชานั้นในระบบใหม่สูงขึ้นหรือลดลงกว่าในระบบเก่าเท่าไหร่ จากนั้นคูณด้วย % น้ำหนักที่ใช้ เพื่อคาดการณ์ขั้นต่ำแบบคร่าวๆ
ค่าเฉลี่ยของคะแนน GAT VS TGAT
ค่าเฉลี่ยของคะแนน GAT VS TGAT เหมือนจะใกล้เคียงกัน แต่ !! สัดส่วนของ คนที่ได้คะแนน GAT สูง ค่อนข้างเยอะกว่า คนที่ได้คะแนน TGAT สูง ซึ่งมีจำนวนเยอะกว่าหน่อย เช่น คนที่ได้ TGAT 200/300 (66.6%) มีสัดส่วนที่น้อยกว่าคนได้ GAT 200+ ในระบบเก่ามากๆ เลยพอจะกะได้ว่าสำหรับคณะที่การแข่งขันสูง และต้องใช้คะแนนส่วนนี้ก็มีโอกาสที่คะแนนอาจจะฝืดลง เพราะคนที่ได้คะแนนสูงๆ มีปริมาณลดลง ดังนั้นถ้าปีก่อนๆ คณะไหนเคยใช้คะแนน GAT แล้วเปลี่ยนมาใช้ TGAT คะแนนอาจจะฝืดลงเล็กน้อย พี่อาจจะตีว่าขั้นต่ำลดลงราวๆ 0.5% – 1%
คะแนน A-Level สามารถมองง่ายๆ จากค่าเฉลี่ยได้เลยว่า “เฟ้อหรือฝืด”
คะแนน A-Level สามารถมองง่ายๆ จากค่าเฉลี่ยได้เลยว่า “เฟ้อหรือฝืด” แล้วก็เอาค่าเฉลี่ยที่เปลี่ยนไปจากปีก่อน คูณด้วย % น้ำหนักที่ใช้เพื่อคาดการณ์คะแนนขั้นต่ำที่เปลี่ยนไป เช่น คณะ A ใช้คะแนน A-Level ภาษาอังกฤษ 30% ซึ่งคะแนนค่าเฉลี่ยปี 65 กับปี 66 ของภาษาอังกฤษ เทียบกันแล้วเพิ่มขึ้น 13% ก็ให้น้องๆ เอา 13% * 30% = 3.9% ก็เดาได้ว่าคะแนนขั้นต่ำอาจจะขึ้นมาประมาณ 3.9 คะแนน (แต่จริงๆ ถ้าเอาลึกๆ เลย อาจจะต้องคาดว่าคนที่จะติดคณะนี้จะมีคะแนนวิชานั้นๆ อยู่ในช่วงไหน แล้วสัดส่วนของคนที่ได้คะแนนในช่วงนั้นๆ มีเยอะมั้ย แต่พี่ว่าอาจจะลึกไปนิดนึง)
คะแนน PAT1 vs คณิต 1
พี่มองว่าสัดส่วนมันพอๆ กันเลยปีนี้ หรืออาจจะมองว่าคณิต 1 คนส่วนใหญ่ได้คะแนนสูงกว่า PAT1 เล็กน้อยก็ได้น้าา น้องๆ อาจจะเผื่อบวกเปอร์เซ็นต์เพิ่มเล็กน้อย สำหรับคณะที่เปลี่ยนจาก PAT1 เป็นคณิต 1 ประมาณ 0.5% – 1% ก็ได้
มาเปลี่ยนจากคณิตตัวตึง (PAT1 และคณิต 1) เป็นคณิต 2
ซึ่งมีหลายคณะที่จากเดิมใช้คะแนน PAT1 หรือ คณิต 1 แล้วเปลี่ยนมาใช้คณิต 2 (คณิตพื้นฐาน) สำหรับพี่ พี่กะว่าคะแนนคนส่วนใหญ่จะได้คณิต 2 สูงกว่าคณิต 1 ประมาณ 30% ของคะแนนเต็ม เอา % ที่ใช้ของคณิต 2 คูณด้วยสัดส่วนที่ใช้เลย เช่น บัญชี จุฬาฯ ใช้คณิต 2 60% แทน PAT1 ของเดิม ขั้นต่ำก็น่าจะขยับขึ้นประมาณ 30% x 60% = 18% เดิมขั้นต่ำราวๆ 59% ปีนี้ก็อาจจะเพิ่มเป็นราวๆ 77% บวกลบอยู่ในช่วงนี้
GPAX ปัจจัยนี้ทำให้คะแนนขั้นต่ำสูงขึ้น
สำหรับ GPAX นั้น ปกติแล้วปัจจัยนี้ทำให้คะแนนขั้นต่ำสูงขึ้น เพราะเกรดทำง่ายกว่าคะแนนสอบ แงง (เพราะส่วนมากเกรดมักจะเกิน 2.00 ซึ่งก็คือน้องส่วนใหญ่ได้เกินครึ่งหนึ่ง แต่กับคะแนนสอบเกินครึ่งนี่อาจจะไม่ง่าย) ถ้ามีการใช้สัดส่วนของเกรดที่มากขึ้นหรือลดลง ก็จะอาจส่งผลต่อคะแนนขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงตามลำดับ
ตัวอย่างการคาดการณ์
คณะหนึ่ง ในปีก่อนใช้คะแนนวิชา B ซึ่งคนส่วนมากได้คะแนน 50/100 ปีนี้เปลี่ยนมาใช้วิชา M ซึ่งส่วนมากได้คะแนน 40/100 (มองเหมือนคนทั้งประเทศคะแนนลดลงประมาณ 10 คะแนน) สัดส่วนของคะแนนที่ใช้คือ 30% แปลว่าคะแนนขั้นต่ำน่าจะลดลงเท่ากับ 10/100 x 30 = 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน (เป็นการเทียบแบบคร่าวๆ น้าา)
ตัวอย่างจริง : คณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี จุฬาฯ (บัญชี & บริหาร)
PAT 1 60%
+ GAT 40%
คณิต1 หรือ คณิต2 60%
+ TGAT 40%
สำหรับเกณฑ์ที่ใช้ คณิต 1
พี่มองว่า TGAT ฝืดกว่า GAT เล็กน้อย และคณิต 1 คะแนนสูงกว่า PAT1 เล็กน้อย พอเฉลี่ยๆ กันแล้ว คะแนนขั้นต่ำน่าจะใกล้เคียงกัน หากบวกมาซัก 2 – 3% ของขั้นต่ำปีก่อนๆ ก็ค่อนข้างมีลุ้นสูง
สำหรับเกณฑ์ที่ใช้ คณิต 2
พี่มองแบบนี้ เดิมคนสอบติดคณะนี้มักจะได้ PAT1 120+ ซึ่งคิดเป็น 40% ของคะแนนเต็ม 120/300 x 60 = 24 คะแนน แต่ถ้าเป็นคณิต 2 คาดเดาว่าน่าจะต้องได้ 70+ ซึ่งคิดเป็น 70% ของคะแนนเต็ม แปลว่าจะได้คะแนน 70/100 x 60 = 42 คะแนน ซึ่งพบว่าสูงขึ้นถึง 18 คะแนน ถ้าอยากจะให้เซฟ อาจจะต้อง + จากปีก่อนมาถึง 18% (โหดมากกก ขอย้ำอีกครั้งเป็นการคำนวณแบบคาดการณ์ไว้เฉยๆ น้า) แต่พี่คาดว่าน่าจะไม่ถึง เพราะจะมีความฝืดจาก TGAT มาช่วยดึงอีกเล็กน้อย
ข้อแนะนำสำหรับการคิดคะแนน TCAS 66 รอบ 3 Admission
1. ข้อนี้สำคัญมาก น้องๆ จะต้องเช็กเกณฑ์คะแนน และคุณสมบัติของคณะที่อยากเข้าให้ดีๆ ทุกคนมีสิทธิ์ในการยื่นสมัคร แต่ถ้าขาดคุณสมบัติหรือคะแนนส่วนใดไป น้องๆ จะถูกตัดสิทธิ์จากการคัดเลือกทันที เพราะทางมหาลัยฯ ถือว่าคุณสมบัติไม่ครบ
*สำหรับน้องๆ ที่อยากเข้าคณะแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และสอบติดรอบ 1,2 และยืนยันสิทธิ์ไปแล้ว ไม่สามารถสละสิทธิ์เพื่อมาสมัครคณะเดิมได้น้าา ถ้าสมัครก็จะถูกตัดสิทธิ์ทันที
2. วางแพลนการจัดอันดับให้ดีว่าน้องจะลงสมัครกี่อันดับ ค่าสมัครเท่าไหร่ แล้วจะต้องเรียงลำดับคณะหรือมหาลัยฯ ยังไง ซึ่งน้องๆ สามารถดูเทคนิคการจัดอันดับจากพี่ปั้นได้ที่นี่เลย >> คลิก
3. ลองเทียบคะแนนสูงต่ำประมาณ 3 ปีย้อนหลัง ถึงแม้ว่าเกณฑ์คะแนนจะไม่เหมือนกัน แต่ว่าสามารถลองใช้เป็นแนวทางในการจัดอันดับของปีนี้ได้
4. ที่สำคัญ !! อย่าลืมเช็กกำหนดการต่างๆ ของ TCAS ให้ดีน้าา สามารถดูจากภาพด้านล่างนี้ได้เลยย

Q&A เกี่ยวกับการคำนวณคะแนน TCAS66
Q : สามารถยื่นสมัครคณะ / มหาลัยฯ เดียวกันหลายๆ อันดับได้มั้ย ?
A : สามารถสมัครได้ค่ะ เช่น น้องจะยื่นสมัครบัญชี จุฬาฯ โดยยื่นคะแนนคณิต 1 เป็นอันดับแรก และอันดับสองเป็นบัญชี จุฬาฯ โดยยื่นคะแนนคณิต 2 ก็ได้ แต่น้องๆ ต้องดูเกณฑ์ของมหาลัยฯ ด้วยน้า เพราะบางสถาบันก็อนุญาตให้สมัครแค่ 1 สาขาต่อ 1 คณะเท่านั้น
Q : จำเป็นต้องสมัครให้ครบทั้ง 10 อันดับเลยมั้ย ?
A : ไม่จำเป็นค่ะ น้องๆ สามารถสมัครกี่อันดับก็ได้ ตามที่น้องสะดวกเลย โดยค่าสมัครก็จะขึ้นอยู่กับจำนวนอันดับที่น้องเลือกสมัคร สูงสุด 900 บาท
Q : การจัดอันดับมีผลยังไง ?
A : ทปอ. จะพิจารณาอันดับที่น้องๆ เลือกมาทั้งหมด โดยเน้นดูจากคะแนนเป็นหลัก แต่ไม่ว่าจะยื่นสมัครกี่อันดับ น้องๆ จะสามารถสอบติดได้แค่อันดับเดียวเท่านั้น (ถ้าคุณสมบัติครบ) เช่น ถ้าน้องสอบติดอันดับ 1 ทางทปอ. ก็จะไม่พิจารณาอันดับ 2-10 หรือที่เหลือเลย
แต่การจัดอันดับจะมีผลกับคะแนน ก็ต่อเมื่อมหาลัยฯ ใช้เกณฑ์ “คะแนนของลำดับที่นักเรียนเลือก” ซึ่งตอนนี้มีแค่ “มรภ.สวนสุนันทา” ใช้เกณฑ์นี้อยู่
Q : ถ้าผู้สมัคร 2 คนคะแนนเท่ากัน แต่อีกคนเลือกอันดับ 1 กับอีกคนเลือกอันดับ 4 ใครจะสอบติด ?
A : ถ้าคะแนนเท่ากัน จะเกิดขึ้นได้ 2 กรณี คือ ติดทั้งคู่ กับ หลุดทั้งคู่ จะไม่มีกรณีที่คนใดคนหนึ่งติด แล้วอีกคนหนึ่งหลุดแน่นอนนน
Q : ถ้ามหาลัยฯ กำหนดคะแนน TGAT1 35% แล้วผู้สมัครได้เพียง 30 คะแนน สามารถยื่นสมัครได้มั้ย ?
A : ขึ้นอยู่กับว่า 35% นี้ เป็นค่าน้ำหนักหรือเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำ ถ้าเป็นค่าน้ำหนัก น้องๆ สามารถยื่นสมัครได้ค่ะ เพราะมันหมายถึงใช้คะแนนทั้งหมด 35% ซึ่งยังไม่รวมกับคะแนนอื่นๆ แต่ถ้าเป็นเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำ อันนี้จะไม่สามารถสมัครได้เพราะว่าทางมหาลัยฯ กำหนดแล้วว่าต้องได้อย่างน้อย 35 คะแนน อันนี้น้องๆ จะต้องดูจากระเบียบการให้ดีน้า
Q : ถ้าเรามีคุณสมบัติไม่ครบ เช่น น้ำหนักไม่ถึง หรือคะแนนไม่ครบตามที่มหาลัยฯ กำหนด สามารถสมัครไปก่อนได้มั้ย ?
A : สามารถสมัครได้น้า แต่พี่ไม่ค่อยแนะนำให้สมัคร เพราะถ้าน้องยืนยันว่าคุณสมบัติไม่ถึงตามที่มหาลัยฯ กำหนดไว้จริงๆ ทางมหาลัยฯ ก็จะตัดสิทธิ์อยู่ดีน้าา
Q : กรณีที่มหาลัยฯ มีผู้สมัครน้อยกว่าที่จำนวนรับสมัคร คนที่สมัครไปจะสอบติดทั้งหมดเลยมั้ย ?
A : ขึ้นอยู่กับคะแนนและคุณสมบัติของผู้สมัครแต่ละคนค่ะ ถ้ารับ 10 คน มีคนสมัคร 6 คน แต่ผู้สมัครทั้งหมดคะแนนและคุณสมบัติถึงตามเกณฑ์ที่ทางมหาลัยฯ กำหนดทั้งหมด ก็จะรับทุกคนเลยค่ะ แต่ถ้ามีคนผ่านเกณฑ์เพียงคนเดียว ทาง
มหาลัยฯ ก็จะรับแค่คนเดียวค่ะ และจะนำจำนวนที่เหลือไปทบกับรอบต่อไป นั่นก็คือรอบ 4 รับตรงอิสระค่ะ
ทั้งหมดนี้เป็นการช่วยในการคาดคะเนว่าคะแนนจะเฟ้อหรือฝืดแค่ไหน แต่การคำนวณคะแนนจริงๆ ก็ยังมีปัจจัยอีกมาก ทั้งความยากของข้อสอบแต่ละปี คะแนนจริงๆ ของคนที่ยื่นสมัคร จำนวนรับสมัคร จำนวนคนที่มายื่น ไม่ว่าจะมากขึ้นหรือลดลง ล้วนส่งผลต่อคะแนนขั้นต่ำของคณะนั้นๆ ถ้าจะนำตัวแปรทั้งหมดมาคำนวณว่าคะแนนเท่าไหร่คือขั้นต่ำแบบเป๊ะๆ 100% พี่ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย T__T
แต่ทั้งหมดนี้น้องๆ น่าจะพอเห็นภาพว่าคะแนนขั้นต่ำที่พอเป็นไปได้จะเป็นประมาณไหน เพราะปีนี้เป็นอีกปีที่ยากจริงๆ ในการกะคะแนนขั้นต่ำ แต่ยังไงพี่เป็นกำลังใจให้น้อง #Dek66 ทุกคน ขอให้สอบติดในคณะและมหาลัยฯ ที่หวังไว้ทุกคนน้า
Q : ถ้ามีคะแนนไม่ครบตามที่คณะกำหนด แต่คณะนั้นไม่ได้กำหนดคะแนนขั้นต่ำ สามารถยื่นสมัครได้ไหม ?
น้องๆ สามารถยื่นได้ตามปกติเลยน้าา ส่วนวิชาที่ขาดไปจะนับเป็น 0 คะแนน แต่ถ้าคณะไหนกำหนดคะแนนขั้นต่ำ น้องๆ จะโดนตัดสิทธิ์ทันทีน้าเพราะถือว่าคุณสมบัติไม่ครบตามที่กำหนด
Dek66 ห้ามพลาด ! เทคนิคการจัดอันดับ และคาดการณ์คะแนนขั้นต่ำ Admission รอบ 3
ติดตามคลิปแนะแนว TCAS และคลิปติวฟรีอื่นๆ ได้ทาง YouTube Channel : SmartMathPro