เตรียมตัวอ่านหนังสือ TCAS68 ยังไงให้สอบติด

มีใครอยากสอบติดมหาลัยฯ แต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร หรือควรจะเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ ยังไงให้สอบติดบ้างมั้ยย พี่เชื่อว่าน้อง ๆ หลายคนน่าจะเป็นแบบนี้อยู่แน่เลย แต่ไม่ต้องกังวลน้าาา เพราะวันนี้พี่เตรียมทั้งทริคในการค้นหาตัวเอง วิธีเตรียมสอบ, เทคนิคการอ่านหนังสือยังไงให้จำได้เยอะขึ้น, และคลิปติวของสนามสอบต่าง ๆ มาฝากทุกคนด้วย น้อง ๆ คนไหนที่อยากเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ ล่วงหน้า รีบมาอ่านกันเลยยย

1. ค้นหาตัวเองว่าอยากเรียนคณะ / มหาลัยฯ อะไร

การค้นหาตัวเองสามารถทำได้หลายวิธีเลย ไม่ว่าจะเป็นการเช็กจากวิชาที่ชอบ อาชีพในฝัน หรือการทำแบบทดสอบทางจิตวิทยาเพื่อค้นหาตัวเอง แต่นี่เป็นแค่วิธีส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายวิธีเลยที่จะทำให้น้อง ๆ ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ซึ่งพี่ก็ได้รวมรวมเอาไว้ให้แล้วในบทความ รวม 6 วิธีค้นหาตัวเอง สามารถเข้าไปลองทำแต่ละวิธีดูได้เลยยย

2. ศึกษาหลักสูตรของคณะที่น้อง ๆ อยากเข้า

เมื่อรู้แล้วว่าอยากเข้าคณะอะไร ให้น้อง ๆ ลองดูว่าคณะนี้ มีมหาลัยฯ ไหนบ้างที่เปิดสอนและเข้าไปดูหลักสูตร หรือสอบถามรีวิวการเรียนจากรุ่นพี่ เพราะแต่ละมหาลัยฯ จะมีหลักสูตรที่เปิดสอนไม่เหมือนกัน แม้ว่าชื่อคณะจะเหมือนกันก็ตาม

เช่น คณะนิเทศของมหาลัยฯ A เน้นสอนการแสดงเป็นหลัก แต่คณะนิเทศของมหาลัยฯ B เน้นสอนโฆษณา ซึ่งการศึกษาหลักสูตรของคณะเอาไว้ จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าอยากเรียนอะไร หรือเข้ามหาลัยฯ ไหนกันแน่ !!

3. ศึกษาระบบ TCAS และวางแผนต่อ

หลังจากที่เลือกได้แล้วว่าอยากเข้าคณะ / มหาลัยฯ ไหน น้อง ๆ ก็ควรศึกษาระบบ TCAS ต่อเพื่อวางแผนว่าคณะที่
น้อง ๆ อยากเข้าสามารถสอบรอบไหนได้บ้าง และควรเริ่มเก็บผลงานต่าง ๆ ตอนไหน จะได้มีเวลาทำ Portfolio ตั้งแต่
เนิ่น ๆ ควบคู่กับการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบและเก็บเกรดที่โรงเรียนไปด้วยยย

เหตุผลที่ต้องศึกษาระบบ TCAS เอาไว้ด้วยก็เพราะว่าระบบนี้มีหลายรอบ / ขั้นตอน ไม่ใช่แค่การสมัครสอบ ยื่นคะแนนแล้วจบ แต่น้อง ๆ ควรจะรู้เรื่องการยืนยันสิทธิ์ สละสิทธิ์ รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในแต่ละรอบเอาไว้ด้วยเหมือนกัน

มีเรื่องให้ต้องหาข้อมูลเยอะแบบนี้ หลายคนอาจจะเริ่มคิดแล้วว่า กว่าจะเข้าใจระบบ TCAS ทั้งหมดคงต้องใช้เวลานาน
แน่เลย T_T แต่อย่าเพิ่งท้อกันน้าา แม้ระแบบ TCAS จะมีรายละเอียดให้ได้เรียนรู้เยอะก็จริง แต่เราค่อย ๆ ทำความเข้าใจไปทีละเรื่องก็ได้

4. เตรียมตัวอ่านหนังสือ

น้อง ๆ มักจะถามว่าเริ่มอ่านหนังสือตอนไหนดี พี่บอกเลยว่า เริ่มตอนนี้ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องรอกำหนดการออกแล้วค่อยเริ่มอ่านหนังสือ ยิ่งน้อง ๆ เริ่มเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเวลาทบทวนและปิดจุดอ่อนตัวเองได้มากขึ้นเท่านั้น พี่เชื่อเสมอว่าการเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ ก่อนใคร ทำให้เรามีชัยไปกว่าครึ่ง !!

ในช่วงแรกนี้ น้อง ๆ ควรเริ่มจากการเช็ก Test Blueprint ว่าวิชาที่ต้องสอบมีออกเนื้อหาอะไรบ้าง แล้วทยอยเก็บเนื้อหาให้แม่นและทำแบบฝึกหัดควบคู่กันไป ถ้าใครต้องสอบหลายวิชา แนะนำว่าให้อ่านสลับกันเพื่อที่จะได้เก็บเนื้อหาได้
เร็วขึ้น เช่น วันนี้ท่องศัพท์ 1 ชม. แล้วก็แวะไปอ่านชีววิทยาอีก 1 ชม. และอาจจะปิดท้ายด้วยทำโจทย์คณิต 5 ข้อก็ได้น้า

ซึ่งถ้าน้อง ๆ คนไหนยังไม่รู้ว่าจะเริ้มแต่ละวิชายังไงก็สามารถดูคลิปติวของสนาม ๆ ต่าง ๆ ข้างล่างนี้ดูก่อนได้เลยน้า

ดูคลิปติวสอบเข้ามหาลัยฯ TCAS

ติดตามคลิปติวอื่น ๆ ได้ทาง YouTube Channel : SmartMathPro

แจก 3 วิธีอ่านหนังสือยังไงให้สมาธิไม่หลุด จำได้เยอะขึ้น

1. เขียนแพลนเนอร์

จริง ๆ แล้วการเขียนแพลนเนอร์มีประโยชน์เยอะมากกก อย่างแรก คือ การเขียนแพลนเนอร์จะทำให้เห็นกิจกรรม
ที่ต้องทำทั้งหมดใน 1 วัน ช่วยให้วางแผนกิจกรรมและการอ่านหนังสือได้ดีขึ้น เป็นการฝึกบริหารเวลาที่ดีมาก ๆ เลยล่ะ

โดยประเภทของแพลนเนอร์นอกเหนือจากแพลนเนอร์รายวัน ก็มีอีกหลายแบบให้น้อง ๆ ได้เลือก เช่น แพลนเนอร์
รายสัปดาห์ แพลนเนอร์รายเดือน น้อง ๆ อาจจะลองใช้หลาย ๆ รูปแบบเพื่อให้รู้ว่าแบบไหนเหมาะกับการจดเลคเชอร์ของตัวเองที่สุด

เทคนิคการใช้สีให้หลากหลายใน 1 หน้ากระดาษจะช่วยให้น้อง ๆ จำเนื้อหาได้ง่ายขึ้น เช่น

  • ต้องการจดเนื้อหา แนะนำให้ใช้สีโทนเย็นอย่าง สีน้ำเงินหรือสีฟ้า เพราะเป็นสีที่ทำให้สบายตา
  • ต้องการจะเขียนคำนิยามหรือความหมายของคำนั้น ๆ ควรเลือกใช้ สีเขียว
  • ต้องการเตือนความจำ เพื่อย้ำว่าห้ามลืมหรือห้ามพลาดตรงจุดนี้ แนะนำให้ใช้ สีม่วง
  • ต้องการย้ำว่าคำนี้สำคัญสุด ๆ ให้ใช้สีที่มีความร้อนแรงอย่าง สีแดง

เพราะเวลากลับมาทบทวน น้อง ๆ จะได้เห็นอย่างชัดเจน (ปล. น้อง ๆ สามารถนำเทคนิคนี้ไปประยุกต์ใช้ หรือปรับเปลี่ยนสี ตามที่ตัวเองชอบเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยฯ ได้เลย) ทั้งนี้ถ้าใครไม่รู้จะเริ่มเขียนแพลนเนอร์ยังไงดี พี่แนะนำให้ลองดูจากกำหนดการ TCAS68 แล้วลองเอากำหนดการที่สำคัญ มาใส่ในแพลนเนอร์ตัวเองดูน้า

2. เลือกช่วงเวลาอ่านหนังสือให้เหมาะสม

การอ่านหนังสือในช่วงเวลาที่สมองปลอดโปร่งและตื่นตัว ถือเป็นเวลาที่ดีที่สุดเพราะจะทำให้น้อง ๆ อ่านหนังสือแล้วจำได้เยอะขึ้น แต่ช่วงเวลาของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน บางคนสะดวกช่วงเช้า (ช่วงเวลาก่อนไปโรงเรียน) เช่น ตี 5 – 7 โมง ส่วนบางคนชอบอ่านหนังสือตอนกลางคืน หรือหลายคนโต้รุ่งไปเลยก็มี (แต่อันนี้ไม่ดีต่อร่างกาย  และไม่ควรทำบ่อย ๆ น้า)

สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังจะเริ่มเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยฯ แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรจะอ่านหนังสือช่วงเวลาไหนดี
พี่แนะนำให้แบ่งวันใน 1 อาทิตย์ เพื่อให้ได้ทดลองอ่านหนังสือทั้ง 2 เวลา เช่น อ่านตอนเช้า 4 วัน อีก 3 วันอ่านตอน
กลางคืน หรือปรับเวลาตามที่สะดวกได้เลยย

3. เทคนิคมะเขือเทศ (Pomodoro) ใครไม่ค่อยมีสมาธิ แนะนำวิธีนี้ !!

น้อง ๆ หลายคนยังไม่เริ่มเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ เพราะรู้สึกว่ายังไม่มีสมาธิมากพอที่จะอ่านนาน ๆ เป็นชั่วโมง
ซึ่งจริง ๆ แล้ว สามารถแบ่งเวลาสั้น ๆ สัก 20-25 นาทีเพื่ออ่านหนังสือแล้วค่อยพักเบรก 5 นาทีตามแบบเทคนิคมะเขือเทศได้ แต่ช่วงเวลาที่อ่านนั้น น้อง ๆ จะต้องโฟกัสกับสิ่งที่อ่านแบบ 100% ทำวนแบบนี้ไป 4 รอบ แล้วก็จะรู้ว่าเราอ่านได้ตั้ง
1 ชม. แบบที่สมาธิไม่หลุดเลย !! เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่โฟกัสกับการอ่านหนังสือได้ไม่นาน สามารถเอาวิธีนี้
ไปลองใช้ดูได้น้าา

4. จัดตารางอ่านหนังสือให้เหมาะกับตัวเอง

ก่อนที่น้อง ๆ จะเริ่มอ่านหนังสือ พี่อยากให้ทุกคนลองมองเป็นภาพกว้างก่อนว่าเรามีวิชาหรือเนื้อหาอะไรที่ต้องอ่านบ้าง เพื่อสอบเข้าคณะที่เราใฝ่ฝันเอาไว้ ลิสต์ออกมาแล้วจัดตารางอ่านหนังสือกันดูว่าแต่ละวิชาควรจะอ่านช่วงไหน และควรเก็บเนื้อหากับฝึกทำโจทย์ตั้งแต่เดือนอะไร เราจะได้ไม่ตกหล่นเนื้อหาสำคัญ และเห็นความคืบหน้าในการเตรียมตัวสอบด้วยน้า

ทั้งนี้การจัดตารางอ่านหนังสือพี่ก็แนะนำให้ยึดความสะดวกและความเหมาะสมของเป้าหมายทุกคนไว้เป็นอันดับแรกเลย เพราะถ้าเราจัดตารางอ่านหนังสือแบบที่หนักหรือเบาจนเกินไปก็อาจจะไม่ดีกับตัวเรานั่นเอง 

อยากสอบติด … ต้องคิดแบบนี้

จริง ๆ แล้วการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย  เพราะน้อง ๆ ต้องทุ่มเททั้งพลังกาย และพลังใจ ทำให้มีบางครั้งที่รู้สึกท้อ เครียด และหมดไฟ ดังนั้นพี่จะขอเติมกำลังใจให้ทุกคนด้วยการยกข้อชวนคิดของเด็กสอบติดมาให้น้อง ๆ ดูว่าเขามีวิธีคิดกันยังไงและนำไปปรับใช้ให้เข้ากับตัวเองดูน้า

1. ไม่จำเป็นต้องเก็บเนื้อหาครบทุกบท หรือทำข้อสอบได้ทุกข้อ

ถ้าอิงตาม Test Blueprint ของแต่ละวิชา จะเห็นว่าบางบทก็ถูกตัดออก เช่น การให้เหตุผล (ไม่ใช่การอ้างเหตุผลในตรรกศาสตร์) หรือทฤษฎีกราฟเบื้องต้น ของ A-Level คณิต 1 ซึ่งน้อง ๆ ไม่จำเป็นต้องอ่าน (แต่ถ้าอยากทบทวนความรู้
ก็สามารถอ่านได้นะ !!) และเลือกเก็บบทอื่น ๆ ที่ออกสอบแทน

2. เด็กสอบติดจะรู้ว่า … เก็บเนื้อหายังไงก็จะเข้าใจไม่เกิน 50% จนกว่าจะทำโจทย์

การอ่านหนังสือทำให้น้อง ๆ ได้เรียนทฤษฎี แต่ถ้าอยากรู้ว่าเมื่อลงสนามสอบจริงแล้ว จะทำโจทย์ประยุกต์ได้มั้ย หรือใช้สูตรเป็นหรือเปล่า ก็ต้องลองทำโจทย์หรือแบบฝึกหัดก่อน (แนะนำว่าควรเลือกโจทย์ที่เป็นแนวข้อสอบเก่าน้า เพราะจะได้ฝึกทำโจทย์ที่มีความยากใกล้เคียงกับระดับของข้อสอบจริง)

3. เจอข้อที่ทำไม่ได้ แค่เปิดดูเฉลยและทำความเข้าใจ

ถ้าทำโจทย์แล้วเจอข้อที่ทำไม่ได้ สิ่งที่ง่ายที่สุดคือการเปิดเฉลย และดูวิธีทำ ไม่จำเป็นต้องนั่งเครียดกับข้อนั้น ๆ
เป็นเวลานาน เพราะน้อง ๆ อาจจะเจอข้อที่ทำไม่ได้บ่อย ๆ ดังนั้นอย่าจม อ่านเฉลยให้เข้าใจก่อนแล้วค่อยนั่งทำใหม่นะ !!

4. เรียนแล้วลืม อ่านแล้วลืม เป็นเรื่องปกติ

ถ้าไม่ได้ทบทวนอยู่บ่อย ๆ เนื้อหาที่เคยเรียนมาจะค่อย ๆ หายไปเรื่อย ๆ ดังนั้นพี่แนะนำว่าหลังจากเรียนพิเศษแล้ว
ให้น้อง ๆ อ่านทบทวนเลยทันที ถ้ายังจำไม่ได้ ก็แค่ทวนซ้ำใหม่จนกว่าจะเข้าใจและทำได้

5. เด็กสอบติดก็คือ “คนธรรมดา” ที่น้อง ๆ เองก็เป็นได้

ข้อนี้สำคัญมาก จงจำไว้เสมอว่าเด็กสอบติดก็คือ “คนธรรมดา” ที่น้อง ๆ เองก็เป็นได้ ไม่ว่าระหว่างทางจะยากหรือ
มีอุปสรรคมากมายแค่ไหน อาจจะมีปาดเหงื่อ ปาดน้ำตากันบ้าง แต่พี่ขอให้ทุกคนสู้ให้เต็มที่ พี่เองก็จะอยู่สู้ไปกับน้อง ๆ
เช่นกัน !!

6. เวลาเหลือน้อยก็สอบติดได้ !!

เมื่อวันสอบใกล้เข้ามาถึง น้อง ๆ อาจจะรู้สึกเครียดและกังวลว่าจะเตรียมตัวสอบไม่ทัน เพราะบางคนอาจยังเก็บเนื้อหา
ไม่จบ หรือยังเหลืออีกหลายวิชาที่ยังไม่ได้อ่าน ทั้งนี้แม้จะเหลือเวลาน้อยแค่ไหน พี่เชื่อว่าน้อง ๆ ก็มีโอกาสสอบติดคณะในฝันได้ ดังนั้นพี่เลยขอนำ 3 เทคนิคการเตรียมตัวสอบให้ทันมาฝากทุกคนด้วย สามารถทำตามนี้ได้เลยน้าาา

  • ใช้ความตั้งใจเข้าสู้ เพราะถ้าน้อง ๆ มีความตั้งใจและใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้เต็มที่ ผลลัพธ์ที่ได้ออกมา อาจจะไม่แพ้คนที่เตรียมตัวมานานก็เป็นได้
  • ลุยแบบมีกลยุทธ์ เช่น นำวิธีการอ่านหนังสือของรุ่นพี่ที่สอบติดแล้วมาปรับใช้กับตัวเอง เพราะน้อง ๆ จะได้ไม่เสียเวลาลองผิดลองถูกมากนัก และจะได้มุ่งมั่นกับการอ่านหนังสือเป็นหลัก
  • Stay Focus โดยให้น้อง ๆ นึกถึงเป้าหมายของตัวเองอยู่บ่อย ๆ และลงมือทำไปด้วยเพื่อให้ความฝันกลายเป็นจริง

ดูคลิปเติมกำลังใจสอบเข้ามหาลัยฯ

ติดตาม Podcast อื่น ๆ ของพี่ปั้น ได้ทาง YouTube Channel : SmartMathPro

น้อง ๆ เคยได้ยินประโยคที่ว่า เตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง กันมั้ยย พี่อยากให้ลองเอาประโยคนี้มาปรับใช้กับการเตรียมสอบเข้ามหาลัยฯ กันดูน้าา เพราะการเตรียมตัวที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสอบติดของน้อง ๆ ได้มากขึ้น สุดท้ายนี้ไม่ว่าทุกคนจะเห็นบทความนี้ตอนไหน หรือเหลือเวลาเตรียมสอบอีกเท่าไร แต่ถ้าทุกคนลงมือทำอย่างเต็มที่ตอนนี้ พี่เชื่อว่ายังไงก็เป็นผลดีแน่นอน

แต่สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าควรจะเตรียมสอบยังไงดี อยากได้คนช่วยไกด์ให้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนก่อน พี่ก็ขอแนะนำตัวช่วยอย่าง คอร์สเตรียมสอบมหาลัยฯ ของ SmartMathPro เลย เพราะมีคอร์สให้เลือกมากมายทั้งสนาม TGAT / TPAT / A-Level ซึ่งสอนโดยติวเตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละวิชาด้วยไม่ว่าจะเป็น พี่ปั้น, อ.ขลุ่ย, พี่หมออู๋, ครูกอล์ฟ, พี่ลัคกี้, พี่เกม GAT ENG COOL COOL, พี่ฟาร์ม

โดยในแต่ละคอร์สสอนเนื้อหาปูพื้นฐาน อิงตาม Test Blueprint ปีล่าสุด (ใครที่พื้นฐานไม่แน่นก็สามารถเรียนได้) พร้อมพาตะลุยโจทย์แบบไต่ระดับ ตั้งแต่โจทย์ซ้อมมือไปจนถึงข้อสอบเก่าหรือโจทย์ที่ใกล้เคียงกับข้อสอบจริงเลย แถมยังแจกเทคนิคในการทำข้อสอบที่จะช่วยให้น้อง ๆ ทำข้อสอบได้เร็วขึ้นและช่วยเพิ่มโอกาสในการอัปคะแนนให้อีกด้วย สำหรับ
น้อง ๆ คนไหนที่สมัครตอนนี้ รับฟรี Unseen Mock Test ชุดพิเศษ และสิทธิพิเศษต่าง ๆ ประจำเดือน ถ้าใครสนใจ
คลิก เข้ามาดูรายละเอียดแต่ละคอร์สได้เลยยย

พี่แนะนำว่าให้เริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้เลยน้า เพราะแต่ละวิชาวิชาก็มีเนื้อหาค่อนข้างเยอะ และเวลาในการเตรียมสอบก็น้อยลงจากปีที่แล้ว ดังนั้นยิ่งเราเริ่มเร็วเท่าไร น้อง ๆ ก็จะยิ่งมีเวลาฝึกทำโจทย์ซ้ำบ่อย ๆ จนคล่อง เหลือเวลาให้ทบทวนและปิดจุดอ่อนของตัวเองก่อนวันสอบจริงด้วย

บทความ แนะนำ

บทความ แนะนำ

กำหนดการ TCAS68
TCAS68 สอบวันไหน? ลงทะเบียน MyTCAS68 เมื่อไหร่? สรุปตารางสอบ Dek68 ฉบับอัปเดตล่าสุด
TGAT TPAT คืออะไร ต้องสอบ TGAT TPAT ไหม ? สรุปครบในบทความนี้
TGAT TPAT คืออะไร? มีอะไรบ้าง? พร้อมแจกแนวข้อสอบและคลิปติวฟรี
เตรียมสอบ TGAT ยังไงดี ? สำหรับ Dek68
เตรียมสอบ TGAT ยังไง? รวมเทคนิคเริ่มอ่าน TGAT ครบทุกพาร์ต !
TPAT1 กสพท คืออะไร สอบอะไรบ้าง
TPAT1 กสพท 69 คืออะไร มีอะไรบ้าง ใครควรสอบ พร้อมแจกแนวข้อสอบ
สรุป TPAT1 กสพท ฉบับอัปเดตล่าสุด ตามแถลงการณ์
กสพท คือ? สอบอะไรบ้าง? Dek69 ควรรู้
เตรียมสอบ TPAT1 กสพท ยังไงดี
Dek69 เตรียมสอบ TPAT1 กสพท ยังไง แจกเทคนิคทำข้อสอบพร้อมคลิปติวฟรี
A-Level 68 (เอเลเวล) คืออะไร
A-Level 68 คืออะไร? มีวิชาอะไรบ้าง? สรุปพร้อมคลิปติวโค้งสุดท้าย

สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงติดตามข่าวสารต่าง ๆ ที่อัปเดตอย่างเรียลไทม์ ได้ที่

Line : @smartmathpronews

FB : Pan SmartMathPro ติวคณิต By พี่ปั้น 

IG : pan_smartmathpro

X : @PanSmartMathPro

Tiktok : @pan_smartmathpro

Lemon8 : @pan_smartmathpro

Share