เด็กซิ่ว คือใคร

น้อง ๆ บางคนพอขึ้นมหาลัยฯ ไปแล้วอาจรู้สึกว่าเส้นทางที่เลือกนั้นยังไม่ใช่ทางของตัวเอง ด้วยสาเหตุที่แตกต่างกันไป เช่น สังคมหรือการเรียนยังไม่ตอบโจทย์ คะแนนไม่มากพอที่จะสอบติดคณะที่ตัวเองหวัง คิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีกว่านี้ จนหลายคนอยู่ในช่วงที่กำลังตัดสินใจจะซิ่ว แต่ยังลังเลอยู่ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ?

แล้วถ้าเลือกที่จะซิ่ว มีเรื่องอะไรบ้างที่น้อง ๆ ควรรู้ก่อนจะเป็นเด็กซิ่วเต็มตัว วันนี้พี่จะมาอธิบายให้ตั้งแต่เริ่ม ไปจนถึงเรื่องการสอบเข้ามหาลัยฯ เลยยย > <

หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “เด็กซิ่ว” แต่ยังไม่รู้ความหมายของคำนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันมาจากคำว่า Fossil (ซากดึกดำบรรพ์) มักจะใช้เรียกคนที่เข้าเรียนที่หลัง และมาลงเรียนพร้อมกับรุ่นน้อง เช่น ถ้าน้อง ๆ เป็น Dek68 แต่สอบเข้ามหาลัยฯ พร้อมกับเด็ก Dek69 เขาจะเรียกว่าเป็น “เด็กซิ่ว” นั่นเอง

เหตุผลของคนส่วนใหญ่ ทำไมเลือกที่จะซิ่ว ?

แต่ละคนคงจะมีเหตุผลในการซิ่วที่ไม่เหมือนกัน ถ้ารวมมาทั้งหมด บทความนี้ก็คงจะยาวมากกก ดังนั้นพี่เลยจะขอเล่าแค่ประเด็นหลัก ๆ ที่ได้สอบถามจากรุ่นพี่เด็กซิ่วเพื่อมาสรุปให้น้อง ๆ ได้อ่านกันว่าจริง ๆ แล้วคนที่เขาตัดสินใจเป็นเด็กซิ่ว
นั้นมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง ?

สอบติดคณะที่ไม่ถูกใจ

เรียกได้ว่าเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้หลาย ๆ คนตัดสินใจที่จะซิ่ว อาจจะด้วยคะแนนสอบครั้งล่าสุดที่ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรือมีการวางแผนเลือกคณะ / มหาลัยฯ ผิดพลาด เลยอยากลองสอบใหม่อีกครั้ง เพื่อที่จะได้เข้าคณะที่ตัวเองอยากเข้าจริง ๆ

เรียนแล้วไม่มีความสุข รู้สึกไม่ชอบ

มีน้อง ๆ จำนวนมากที่สอบติดคณะที่หวัง แต่พอได้ลองมาเรียนแล้วก็พบว่าไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ อาจจะเรียนหนักมากเกินไป หรือเรียนไปแล้วรู้สึกว่ายังไม่ใช่ ซึ่งพี่จะบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลยน้า ที่จะรู้สึกไม่ชอบและอยากจะซิ่ว ถึงแม้จะเป็นคณะที่น้อง ๆ เคยอยากเข้ามากก็ตาม เพราะมันคงจะไม่ค่อยดีเท่าไร ถ้าเลือกที่จะฝืนเรียนมันไปอีก 4 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้นในบางคณะ

เป้าหมายในชีวิตเปลี่ยน

เมื่อเวลาผ่านไป น้อง ๆ ได้เจอกับสังคมที่หลากหลายมากขึ้น พูดคุยกับคนมากขึ้น และปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เส้นทางที่เลือกไว้ตั้งแต่แรกเปลี่ยนไป เลยส่งผลให้ความคิดและเป้าหมายเปลี่ยนไปจากเดิมด้วย อีกทั้งแพลนด้านอาชีพที่อยากจะทำ หรือการใช้ชีวิตในอนาคตก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ซึ่งถ้าน้อง ๆ มั่นใจแล้วว่าทางเดิมไม่ใช่ พี่ก็แนะนำให้ซิ่วน้า

สภาพแวดล้อม / การเข้าสังคม

หลายคนเลือกที่จะซิ่วเพราะรู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของเรา เหมือนคำที่ว่า “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก” จริง ๆ ถ้ารู้สึกไม่ดีกับสภาพแวดล้อมตั้งแต่ต้น พี่คิดว่ามันก็น่าจะส่งผลกระทบในระยะยาวด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้ารู้สึกไม่ดี ทำอย่างไรก็ไม่สามารถเปิดใจได้ การที่น้อง ๆ จะตัดสินใจเดินออกมาก็ไม่ผิดน้า เลือกจุดที่เราอยู่แล้วมีความสุขดีกว่า ^__^

ปัญหาส่วนตัวอื่น ๆ เช่น ปัญหาด้านการเงิน ปัญหาด้านสุขภาพ

ปัญหาการเงินและสุขภาพ (ทั้งสุขภาพจิตและสภาพร่างกาย) เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากเหมือนกัน เพราะค่าใช้จ่ายแต่ละคณะสูงมากกว่าที่คิดไว้ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จะต้องเจอ เช่น การเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอุปกรณ์การเรียน ฯลฯ ทำให้บางคนอาจจะต้องทำงานเสริม 

ซึ่งทำให้พักผ่อนน้อย ร่างกายอ่อนแอ จนส่งผลต่อการเรียน และสุดท้ายก็ตัดสินใจซิ่วในที่สุด (แต่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงน้า ถ้ามีปัญหาเรื่องนี้ พี่แนะนำให้ลองคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อถามเรื่องทุนดูก่อนเพราะแต่ละคณะ / มหาลัยฯ มักจะมีทุนให้สำหรับน้อง ๆ ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์อยู่แล้ววว) 

อยากซิ่วต้องทำอย่างไร ?

ก้าวแรกสำหรับเด็กซิ่ว คือ ให้น้อง ๆ ลองคิดก่อนว่าจะซิ่วไปเรียนไปหรือซิ่วอยู่บ้าน เพราะทั้งสองแบบก็มีข้อดีข้อเสียที่
แตกต่างกัน จากนั้นพูดคุยกับที่บ้าน เล่าถึงเป้าหมายใหม่และการวางแผนในอนาคต เพื่อไม่ให้มีปัญหากับครอบครัว
ภายหลัง 

แต่สิ่งที่สำคัญคือ น้อง ๆ จะต้องรู้ว่าในการสอบครั้งที่ผ่านมา ตัวเองมีข้อผิดพลาดอะไรและจะแก้ไขมันอย่างไร เช่น ถ้า
พื้นฐานยังแน่นไม่พอ อาจจะต้องเก็บเนื้อหาตั้งแต่แรกให้แม่นก่อน หรือถ้าคิดว่ายังฝึกโจทย์ไม่เยอะเท่าไร ก็ต้องแก้ไข
ด้วยวิธีการทำโจทย์ให้เยอะขึ้น

แนะนำให้เริ่มลิสต์ไว้ตั้งแต่แรก น้อง ๆ ก็จะสามารถวางแผนอ่านหนังสือได้เหมาะสมกับตัวเองและถูกจุดมากขึ้น สุดท้ายคือ อย่าลืมติดตามข้อมูลข่าวสาร ระเบียบการรับสมัครจากทางทปอ. คณะและมหาลัยฯ / กสพท อยู่เสมอน้า 

ซิ่วดีไหม ซิ่วอยู่บ้าน ซิ่วไปเรียนไป

ข้อดี / ข้อเสีย ของการเป็นเด็กซิ่ว

สำหรับข้อดี และข้อเสียของการเป็นเด็กซิ่วนั้น พี่ได้รวบรวมจากการสอบถามเด็กซิ่วหลาย ๆ คน รวมถึงประสบการณ์จากคนรอบตัว เพื่อจะได้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของทุกคนน้าา ^__^

ข้อดี

  • มีเวลาค้นหาตัวเองและทำความรู้จักตัวเองมากขึ้น เช่น น้อง ๆ ชอบอะไรจริง ๆ หรือรู้ว่าความฝันคืออะไร และ
    จะเรียนอะไรเพื่อสานต่อความฝันนั้นให้เป็นจริง
  • มีเวลาในการเตรียมตัวสอบมากขึ้น และรู้จุดอ่อนของตัวเองว่าควรเสริมจุดไหน จากประสบการณ์ที่เราเคยสอบมาแล้ว สามารถวางแผนอ่านหนังสือ และทำโจทย์ได้ตรงประเด็นกว่าปีก่อน ๆ
  • ได้เรียนในสิ่งที่ชอบ และมีความสุขกับสิ่งที่เลือกเรียน
  • มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น เมื่อรู้สึกเครียดหรือท้อแท้ ก็สามารถแบ่งเวลาไปพักผ่อนได้ แล้วค่อยกลับมาอ่านอีกครั้งตอนที่รู้สึกดีขึ้น (สำหรับกรณีที่น้อง ๆ ซิ่วอยู่บ้านนะ)

ข้อเสีย

  • ถ้าวางแผนไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นการซิ่วด้วยวิธีไหน ก็อาจจะทำให้เสียทั้งเงินและเวลาได้ ที่สำคัญจะสอบติดคณะที่หวังไว้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวน้อง ๆ เองด้วย
  • อาการหมดไฟ และรู้สึกกดดันมากกว่าปกติ ทั้งการกดดันจากตัวเอง คนรอบข้างและสภาพแวดล้อม
    – กรณีเด็กซิ่วอยู่บ้าน ต้องอยู่ในสถานที่เดิมตลอดทั้งวัน และถ้าไม่สามารถทำตามแพลนของแต่ละวันได้ ก็จะรู้สึกหมดไฟได้ง่าย
    –  กรณีเด็กซิ่วไปเรียนไป ต้องเลือกโฟกัสทั้งสองอย่าง อาจจะทำให้เหนื่อย และโฟกัสกับการสอบเข้ามหาลัยฯ ได้ไม่ดีเท่าที่ควร 
  • ต้องเจอการปรับตัวอยู่หลายครั้ง เช่น เด็กซิ่วอยู่บ้าน ก็จะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ เหมือนเมื่อก่อน ต้องโฟกัสกับการอ่านหนังสือ ส่วนเด็กซิ่วไปเรียนไป ก็ต้องปรับตัวเพื่อไม่ให้การเรียนในปัจจุบันกับอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยฯ กระทบกัน
  • จบช้ากว่าเพื่อนคนอื่น ๆ (ตรงนี้พี่มองว่าถ้ามันแลกมากับสิ่งที่อยากเรียนจริง ๆ มันก็คุ้มที่จะลองน้า > <)
สำหรับน้อง ๆ ที่ตัดสินใจได้แล้ว เรามาดูคำถามยอดฮิต และเกณฑ์การยื่นมหาลัยฯ สำหรับเด็กซิ่วใน TCAS69 กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง ? 

ตัดสินใจเป็น "เด็กซิ่ว" ต้องลาออกมั้ย ?

กรณีสมัครคณะ กสพท

เด็กซิ่วที่ต้องลาออก

  • เรียนอยู่ปี 1 คณะแพทย์ ทันตะ เภสัช สัตวะ (ม.รัฐ) – ลาออกก่อนวันที่ 25 เม.ย. 68
  • เรียนอยู่สูงกว่าปี 1 – ลาออกก่อนวันที่ 10 ก.ย. 67

เด็กซิ่วที่ไม่ต้องลาออก

  • เรียนอยู่ปี 1 คณะอื่น ๆ (นอกเหนือจากคณะกสพท)
  • เรียนอยู่ปีสุดท้าย (คาดว่าจะจบในปี 2567)
  • เรียนอยู่ม.เอกชน

หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นเป็นของปี 68 ซึ่งถ้าข้อมูลของปี 69 ประกาศเมื่อไร พี่จะมาอัปเดตให้อีกทีน้าา

เด็กซิ่ว กรณีสมัครคณะอื่น ๆ ผ่าน myTCAS

กรณีของน้อง ๆ ที่สมัครคณะอื่นนอกเหนือจากคณะในกสพท สามารถเข้าสู่ระบบด้วย user ID และ password เดิมที่เคยลงทะเบียน myTCAS ไว้ได้ โดยไม่ต้องลาออกจากมหาลัยฯ แต่ถ้าเกิดว่าผ่านการคัดเลือกและได้ยืนยันสิทธิ์ไปแล้ว จะต้องไปทำเรื่องลาออกจากมหาลัยฯ ให้เรียบร้อยก่อนขึ้นทะเบียนที่มหาลัยฯ หรือคณะใหม่น้า

เรื่องที่ "เด็กซิ่ว" ควรรู้ ก่อนยื่นเข้ามหาลัยฯ

  • ข้อนี้สำคัญมาก !! หลายคณะรับเฉพาะเด็กม.6 เท่านั้น โดยวิธีดูว่าคณะนั้นรับเด็กซิ่วมั้ย สามารถดูได้จากคำว่า รับผู้สมัครที่จบจาก รร. หลักสูตรแกนกลาง / รับผู้สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และเทียบเท่า แต่ถ้าเจอคำว่า ต้องสำเร็จการศึกษาปีปัจจุบันเท่านั้น / รับผู้สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้น
    แปลว่าเด็กซิ่วสมัครไม่ได้น้า อย่าลืมเช็กดี ๆ ด้วยย
  • เด็กซิ่วไม่สามารถใช้คะแนนเก่ายื่นได้ เพราะคะแนน TGAT / TPAT และ A-Level จะมีอายุคะแนนอยู่ได้ 1 ปีเท่านั้น
    ดังนั้นถ้าใครตั้งใจจะซิ่ว ก็ต้องสอบใหม่เท่านั้นน้า
  • เด็กซิ่วที่เคยลงทะเบียน myTCAS แล้ว เข้าไปกรอกและแก้ไขข้อมูลได้เลย กรณีที่ข้อมูลผิด อย่าลืมแนบหลักฐานเพื่อเป็นการยืนยันความถูกต้องน้าา

การเป็น "เด็กซิ่ว" ผิดมั้ย ?

สุดท้ายนี้ น้อง ๆ ที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ อาจจะลังเลว่าควรซิ่วดีมั้ย ? มันจะผิดมากแค่ไหน ? พี่ ๆ อยากจะบอกว่า … การเป็นเด็กซิ่วมันไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิด ไม่ใช่ความล้มเหลวในชีวิต หรือแสดงว่าที่ผ่านมา น้องพยายามไม่มากพอน้า
แต่กลับกันถ้ามันทำให้ได้เจอกับอะไรที่ดีขึ้น และน้อง ๆ “มีความสุข” พี่ว่ามันคุ้มที่จะแลก แม้ว่าต้องเสียเวลา เสียใจ
แต่ทั้งหมดมันคือประสบการณ์ ที่ไม่มีวันรู้ ถ้าไม่ได้สัมผัสมาก่อน

แต่ที่สำคัญเลย คืออยากให้ลองคิดดูให้ดีก่อน ถามตัวเองว่าใจเราอยากซิ่วจริง ๆ ใช่มั้ย อยากให้น้อง ๆ คิดและทบทวน
ให้รอบด้าน ถ้าน้อง ๆ เป็นเด็กซิ่วแล้ว จะซิ่วไปที่ไหน มีโอกาสที่จะทำได้มากแค่ไหน ที่ตัดสินใจมันมาจากเหตุผล ไม่ใช่เพราะอารมณ์ใช่มั้ย

แต่ถ้ามั่นใจแล้วว่าจะซิ่ว ลองดูที่บทความ How To หลังตัดสินใจซิ่ว เพื่อเป็นแนวทางเพิ่มเติมก็ได้น้า สุดท้ายนี้ไม่ว่าน้อง ๆ จะเลือกทางไหน พี่ก็จะเป็นกำลังใจให้ทุกคน จงสู้ให้เต็มที่ และขอให้ทำตามความฝันได้สำเร็จน้า ^____^

ส่วนน้อง ๆ ที่มีแพลนจะเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ แล้วอยากได้คนช่วยไกด์ให้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน พี่ก็ขอแนะนำตัวช่วยอย่าง คอร์สเตรียมสอบมหาลัยฯ ของ SmartMathPro เลยย มีให้เลือกมากมายทั้งสนาม TGAT / TPAT หรือ
A-Level และสอนโดยติวเตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละวิชาด้วยไม่ว่าจะเป็นพี่ปั้น, อ.ขลุ่ย, พี่หมออู๋, ครูกอล์ฟ, พี่ลัคกี้, พี่เกม GAT ENG COOL COOL, พี่ฟาร์ม

โดยในแต่ละคอร์สจะสอนปูพื้นฐานแบบละเอียด อิงตาม Test Blueprint ปีล่าสุด (ใครที่พื้นฐานไม่แน่นก็สามารถเรียนได้) พร้อมพาตะลุยโจทย์แบบไต่ระดับ ตั้งแต่โจทย์ซ้อมมือไปจนถึงข้อสอบเก่าหรือโจทย์ที่ใกล้เคียงกับข้อสอบจริง แถมยังแจกเทคนิคในการทำข้อสอบที่จะช่วยให้น้อง ๆ ทำข้อสอบได้เร็วขึ้นและช่วยเพิ่มโอกาสในการอัปคะแนนให้อีกด้วย สำหรับ
น้อง ๆ คนไหนที่สมัครตอนนี้ รับฟรี Unseen Mock Test ชุดพิเศษ และสิทธิพิเศษต่าง ๆ ประจำเดือน ถ้าใครสนใจ คลิก เข้ามาดูรายละเอียดแต่ละคอร์สได้เลย

พี่แนะนำว่าให้เริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้เลยน้า เพราะแต่ละวิชาก็มีเนื้อหาค่อนข้างเยอะ ดังนั้นยิ่งเราเริ่มเร็วเท่าไร น้อง ๆ ก็จะยิ่งมีเวลาฝึกทำโจทย์ซ้ำบ่อย ๆ จนคล่อง เหลือเวลาให้ทบทวนและปิดจุดอ่อนของตัวเองก่อนวันสอบจริงด้วย

ดูคลิปแนะแนวสำหรับเด็กซิ่ว

ติดตาม Podcast ดี  ๆ จากพี่ปั้นได้ที่ YouTube Channel : SmartMathPro

บทความ แนะนำ

บทความ แนะนำ

A-Level 68 (เอเลเวล) คืออะไร
A-Level 68 คืออะไร? มีวิชาอะไรบ้าง? สรุปพร้อมคลิปติวโค้งสุดท้าย
สรุป TPAT1 กสพท ฉบับอัปเดตล่าสุด ตามแถลงการณ์
กสพท คือ? สอบอะไรบ้าง? Dek69 ควรรู้
จะซิ่วเป็น Dek69 ต้องทำยังไงบ้าง
ซิ่ว ต้องทำอะไรบ้าง ต้องลาออกก่อนไหม เคลียร์ให้จบก่อนซิ่วเป็น Dek69
TPAT1 กสพท คืออะไร สอบอะไรบ้าง
TPAT1 กสพท 69 คืออะไร มีอะไรบ้าง ใครควรสอบ พร้อมแจกแนวข้อสอบ
TCAS69 สอบวันไหนบ้าง ?
TCAS69 สอบวันไหน? สรุปตารางสอบ Dek69 ฉบับอัปเดตล่าสุด
Dek69 เตรียมสอบเข้ามหาลัยฯ ยังไงให้พร้อม
Dek69 เตรียมสอบเข้ามหาลัยฯ ยังไงให้พร้อมก่อนสมัคร TCAS69
แจก ตารางอ่านหนังสือ Dek69
แจกตารางชีวิต + ตารางอ่านหนังสือ Dek69 พร้อมลุย TCAS69 ตลอดปี

สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงติดตามข่าวสารต่าง ๆ ที่อัปเดตอย่างเรียลไทม์ ได้ที่

Line : @smartmathpronews

FB : Pan SmartMathPro ติวคณิต By พี่ปั้น 

IG : pan_smartmathpro

X : @PanSmartMathPro

Tiktok : @pan_smartmathpro

Lemon8 : @pan_smartmathpro

Share