หน้าหลัก > เนื้อหาวิชาการ > ฟิสิกส์ > สรุป แสงเชิงคลื่น ฟิสิกส์ ม.5 พร้อมโจทย์และเฉลย
สรุปเนื้อหาฟิสิกส์ ม.5 เรื่องแสงเชิงคลื่น

เนื้อหาเรื่อง แสง ฟิสิกส์ เป็น 1 เนื้อหาที่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ซึ่งพี่แบ่งเนื้อหาดังกล่าวออกเป็น 2 เรื่องหลัก คือ แสงเชิงคล่ืนและแสงเชิงรังสี แต่ในบทความนี้จะพูดถึงแค่เรื่องแสงเชิงคล่ืนก่อนน้า เพราะอยากให้ทุกคนค่อย ๆ ทำความเข้าใจไปทีละเรื่อง

โดยพี่เตรียมสรุปเรื่องนิยาม แหล่งกำเนิดแสง และเนื้อหาสำคัญอื่น ๆ พร้อมกับพาทบทวนเรื่องสูตรต่าง ๆ และมีตัวอย่างข้อสอบท้ายบทความให้ทุกคนได้ลองฝึกทำอีกด้วยยย !! 

แสง (Light) เป็นคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Wave) ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความยาวคล่ืนอยู่ในช่วงที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้ผ่านดวงตาหรือที่เรียกว่า “แสงที่ตามองเห็น” (Visible Light)

แสงที่ตามองเห็นเป็นส่วนหนึ่งของ สเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า โดยมีความยาวคล่ืนอยู่ในช่วง 400-700 นาโนเมตร และมีอัตราเร็วในสุญญากาศประมาณ 3\times 10^{8} เมตรต่อวินาที ซึ่งเท่ากับความเร็วของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าทุกชนิด

แสงที่ตามองเห็น - แสงเชิงคลื่น ฟิสิกส์ ม.5

แหล่งกำเนิดแสง

แหล่งกำเนิดแสง หมายถึง วัตถุหรือสิ่งที่สามารถปล่อยแสงออกมาได้เอง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  • แหล่งกำเนิดแสงตามธรรมชาติ เช่น
    • ดวงอาทิตย์ (Sun) เป็นแหล่งกำเนิดแสงที่สำคัญของโลก
    • ดาวฤกษ์ (Stars) อื่น ๆ ที่ปล่อยพลังงานออกมาในรูปของแสง
    • ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า (Lightning) ซึ่งเกิดจากการปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าในบรรยากาศ
    • หิ่งห้อย และ สัตว์เรืองแสง (Bioluminescent organisms) เช่น แมงกะพรุนเรืองแสง
  • แหล่งกำเนิดแสงที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น
    • หลอดไฟฟ้า เช่น หลอดไส้ (Incandescent bulb) และหลอดฟลูออเรสเซนต์
    • LED (Light Emitting Diode) ที่ใช้ในจอภาพและไฟส่องสว่าง
    • เลเซอร์ (Laser) ที่ใช้ในอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์
    • เปลวไฟ จากเทียน ไฟแช็ก หรือเตาเผาต่าง ๆ

สมบัติและพฤติกรรมของแสง

การสะท้อน (Reflection)

ปรากฏการณ์ที่แสงเดินทางไปกระทบพื้นผิวของวัตถุแล้วเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่กลับสู่ตัวกลางเดิม การสะท้อนของแสงขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของพื้นผิวสัมผัส ซึ่งอาจเป็นการสะท้อนแบบปกติหรือการสะท้อนแบบกระจาย ขึ้นอยู่กับลักษณะของพื้นผิวนั้น ๆ

การหักเห (Refraction)

ปรากฏการณ์ที่แสงเดินทางเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางที่มีดัชนีหักเหแตกต่างกัน เช่น อากาศ แก้ว หรือ น้ำ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความเร็วของแสงและอาจจะเปลี่ยนแปลงทิศทาง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้วัตถุที่อยู่ในน้ำดูเหมือนบิดเบี้ยว
จากตำแหน่งจริง

การแทรกสอดของแสง (Interference)

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคลื่นแสง 2 ขบวนเคลื่อนที่มาพบกัน จะเกิดการรวมตัวกันและแทรกสอดกันเกิดเป็นแถบมืดและแถบสว่างบนฉาก การที่จะเกิดการแทรกสอดที่สังเกตได้ชัดเจน แหล่งกำเนิดแสงที่มาซ้อนทับกันจะต้องเป็นแหล่งกำเนิดอาพันธ์ (Coherent Source) คือเป็นแหล่งกำเนิดที่ให้คลื่นแสงความถี่เดียวกัน และความยาวคลื่นเท่ากันและมีผลต่างเฟสคงที่ ตำแหน่งปฏิบัพจะเป็นแถบสว่าง ส่วนตำแหน่งบัพจะเป็นแถบมืด

การเล้ียวเบนของแสง (diffraction)

ปรากฏการณ์ที่แสงเลี้ยวรอบสิ่งกีดขวาง หรือ เลี้ยวเบนผ่านช่องแคบ ทำให้เกิดการกระจายแสงไปบริเวณด้านหลังของวัตถุทึบแสงได้ การเลี้ยวเบนของแสงเกิดขึ้นได้ชัดเจนเมื่อแสงจากแหล่งกำเนิดแสงอาพันธ์เดินทางผ่านช่องแคบที่มีขนาดเล็ก ใกล้เคียงกับความยาวคลื่นแสง

Tips : Timeline ของการศึกษาแสงเชิงคล่ืน

การศึกษาเรื่องราวของแสงมีการพัฒนาและการเปล่ียนแปลงจากแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญหลายคนในช่วงเวลาต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนี้

– ศตวรรษที่ 17 (ค.ศ.1601 – ค.ศ. 1701) 

   – ไอแซก นิวตัน (Isaac Newton) ได้ตั้งทฤษฎีอนุภาคโดยกล่าวว่าแสงเป็นอนุภาคที่ถูกส่งออกจากต้นกำเนิดแสง อนุภาคเหล่านี้เคล่ือนที่เป็นเส้นตรงสามารถทะลุผ่านวัตถุโปร่งใส และสะท้อนจากวัตถุทึบแสงได้เมื่อแสงเข้าสู่ตาทำให้เกิดความรู้สึกในการมองเห็น

   – คริสเตียน ฮอยเกนส์ (Christiaan Huygens) ได้ตั้งทฤษฎีเกี่ยวกับแสงว่าแสงเป็นคล่ืนสามารถนำไปใช้อธิบายการสะท้อน และการหักเหของแสง แต่ไม่สามารถแสดงว่าแสงมีการเล้ียวเบนได้ ทฤษฎีคล่ืนแสงจึงไม่เป็นที่ยอมรับ

– ค.ศ. 1801 ธอมัส ยัง (Thomas Young) ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับการแทรกสอดและการเล้ียวเบนของแสงและสามารถวัดความยาวของคล่ืนแสงได้ทำให้ทฤษฎีที่ว่าแสงเป็นอนุภาคของนิวตันหมดไป

– ค.ศ. 1865 เจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ (James Clerk Maxwell) ได้แสดงให้เห็นว่าเมื่อประจุไฟฟ้าเคล่ือนที่แบบ
ซิมเปิลฮาร์โมนิกจะแผ่คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา และอัตราเร็วของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้ามีค่าใกล้เคียงกับ อัตราเร็วของแสงจึงเป็นการสนับสนุนว่าแสงเป็นคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า

– ค.ศ. 1905 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) ได้เสนอว่าแสงเป็นอนุภาค ซึ่งอนุภาคของแสงก็คือกลุ่มก้อนของพลังงานที่เรียกว่า โฟตอน (Photon) และพลังงานของโฟตอนขึ้นอยู่กับค่าความถี่ของแสง ซึ่งแตกตางจากทฤษฎีของนิวตัน

– ปัจจุบัน – ทฤษฎีควอนตัมอธิบายว่าแสงมีลักษณะเป็นทั้งคล่ืนและอนุภาค ขึ้นอยู่กับการสังเกตและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ภาพนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญที่ศึกษาเกี่ยวกับแสง - แสงเชิงคลื่น

นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า “แสง” ไม่ได้เดินทางเป็นเพียงเส้นตรงธรรมดา แต่มีพฤติกรรมคล้ายคล่ืน ในบทความนี้เราจะพูดถึงคุณสมบัติของแสงที่แสดงให้เห็นว่าเป็นคล่ืน ผ่านปรากฏการณ์การแทรกสอดและการเล้ียวเบน โดยการใช้อุปกรณ์ 3 ประเภท ได้แก่ สลิตเดี่ยว สลิตคู่ และเกรตติง

การแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่

สลิตคู่ (double slit) คืออุปกรณ์ทางแสงที่ประกอบด้วยช่องเปิดขนาดเล็กสองช่อง ซึ่งมีความกว้างใกล้เคียงกันและอยู่ใกล้กัน

ภาพสลิตคู่ - แสงเชิงคลื่น ฟิสิกส์

การแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อแสงเดินทางผ่านช่องเปิดสองช่อง แล้วเกิดการซ้อนทับของคล่ืนแสง ทำให้เกิดลวดลายแทรกสอดบนฉากรับภาพ ซึ่งปรากฏเป็นแถบสว่างและแถบมืด

  • แถบสว่าง → เกิดจากการแทรกสอดเสริม (สันคล่ืนรวมกับสันคล่ืน, ท้องคลื่นรวมกับท้องคล่ืน)
  • แถบมืด → เกิดจากการแทรกสอดหักล้าง (สันคล่ืนรวมกับท้องคล่ืน)
การแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่

โดยที่ d= ระยะห่างระหว่างสลิตคู่

           \lambda = ความยาวคล่ืนของแสง

           n= ลำดับการแทรกสอด

           \theta = มุมที่แถบแสงปรากฏ

ตัวอย่าง : การแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่

เมื่อฉายแสงความยาวคล่ืน 500 นาโนเมตร ลงบนสลิตคู่ ซึ่งมีระยะห่างระหว่างสลิตเป็น 1 ไมโครเมตร อยากทราบว่าจุดที่เกิดการแทรกสอดแบบเสริมกันจุดที่ 1 จะเบนจากแนวที่ฉายแสงเป็นมุมเท่าใด

จากสมการ          d\sin\theta =n\lambda

จะได้ \left ( 1\times 10^{-6} \right )\sin\theta =1\left ( 500\times 10^{-9} \right )

                                   \sin\theta =\frac{1\left ( 500\times 10^{-9} \right )}{1\times 10^{-6}}

                                   \sin\theta =0.5

                                          \theta =30^{\circ}

ตอบ จุดที่เกิดการแทรกสอดแบบเสริมกันจุดที่ 1 จะเบนจากแนวที่ฉายแสงเป็นมุม 30^{\circ}

การเล้ียวเบนของแสงผ่านสลิตเดี่ยว

สลิตเดี่ยว (Single Slit) คืออุปกรณ์ทางแสงที่ประกอบด้วยช่องเปิดช่องเดียว ซึ่งมีความกว้างน้อย ๆ ค่าหนึ่ง

ภาพสลิตเดี่ยว

เมื่อแสงเคล่ือนที่ผ่านสลิตเดี่ยวแคบ ๆ ที่มีขนาดเทียบเท่ากับความยาวคล่ืนแสง แสงจะเกิดปรากฏการณ์เล้ียวเบน โดยขอบของสิ่งกีดขวางจะประพฤติตัวเสมือนแหล่งกำเนิดคล่ืนใหม่จำนวนมากมาย (ตามหลักของฮอยเกนส์) เมื่อนำฉากมารับจะเห็นริ้วมืดสว่างที่เกิดจากการแทรกสอดของคล่ืนจำนวนมากเหล่านี้ เกิดเป็นแถบมืดและแถบสว่างขึ้น

การเลี้ยวเบนของแสงผ่านสลิตเดี่ยว

โดยที่ d= ความกว้างของสลิตเดี่ยว
          \lambda = ความยาวคล่ืนของแสง
          n= ลำดับการแทรกสอด
          \theta = มุมของตำแหน่งที่เกิดแถบมืด

แถบสว่างกลางจะมีความกว้างและความสว่างมากที่สุด โดยแถบสว่างกลางมีความสัมพันธ์กับความกว้างของสลิต ดังนี้

  • เมื่อเพิ่มความกว้างของสลิต ความกว้างของแถบสว่างกลางจะแคบลง
  • เมื่อลดความกว้างของสลิตลง ความกว้างของแถบกลางจะเพิ่มขึ้น

ตัวอย่าง : การเล้ียวเบนของแสงผ่านสลิตเดี่ยว

เมื่อให้แสงมีความยาวคล่ืน 600 นาโนเมตร ผ่านช่องแคบเดี่ยว และต้องการให้แถบมืดแรกเบนจากแนวกลาง 30^{\circ} จงหาความกว้างของช่องแคบนี้

วิธีทำ  : จากสมการ d\sin\theta =n\lambda

จะได้                        d\sin30^{\circ}=1\left ( 600\times 10^{-9} \right )

                                       d\left ( \frac{1}{2} \right )=1\left ( 600\times 10^{-9} \right )

                                                d=2\left ( 600\times 10^{-9} \right )

                                                d=1.2\times 10^{-6}m

                                                d=1.2\mu m

ตอบ ความกว้างของช่องแคบนี้มีค่าเท่ากับ 1.2\mu m

การเล้ียวเบนของแสงผ่านเกรตติง

เกรตติง (Grating) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับวิเคราะห์สเปกตรัมของแสงและวัดความยาวคล่ืนของแสง โดยอาศัยหลักการเล้ียวเบนและการแทรกสอดของคล่ืน โครงสร้างของเกรตติงเป็นแผ่นวัตถุโปร่งใสผิวเรียบที่มีช่องเปิดเล็ก ๆ เรียงตัวขนานกันอย่างหนาแน่น โดยทั่วไปอาจมีตั้งแต่ 100 ถึง 10,000 ช่องต่อเซนติเมตร

เกรตติงที่ใช้ศึกษาสเปกตรัม

เมื่อแสงจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ เช่น ดวงอาทิตย์หรือแสงขาวหลอดไฟฉาย ผ่านเข้าสู่เกรตติง จะเกิดการกระจายตัวออกเป็นสเปกตรัมสีต่าง ๆ อย่างชัดเจน กระบวนการนี้พัฒนามาจากแนวคิดเริ่มแรกของสลิตคู่ โดยการเพิ่มจำนวนและลดระยะห่างระหว่างช่องเปิด ส่งผลให้การเล้ียวเบนของแสงมีความละเอียดและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทำให้เราสามารถสังเกตเห็นองค์ประกอบของแสงขาวได้อย่างเป็นระบบ

การเลี้ยวเบนของแสงผ่านเกรตติง

แสงที่เบนจากแนวกลางมากที่สุดคือ แสงสีแดง และแสงที่เบนจากแนวกลางน้อยที่สุดคือ แสงสีม่วง ซึ่งสอดคล้องกับสมการ d\sin\theta =n\lambda โดยแสงสีต่าง ๆ มีความยาวคล่ืน ดังแสดงในตาราง

ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างแสงสีกับความยาวคลื่น

ตัวอย่าง : การเล้ียวเบนของแสงผ่านเกรตติง

เกรตติง 10,000 เส้นต่อเซนติเมตร ถ้าฉายแสงความยาวคลื่ืน \lambda ตกตั้งฉากกับเกรตติง แถบสว่างที่เกิดขึ้นแถบแรกบนจอ จะอยู่ห่างจากแนวกลางเป็นมุม 30^{\circ} ค่า \lambda มีค่าเท่าใด

วิธีทำ
จากสมการ d\sin\theta =n\lambda

จะได้       \frac{1}{N}\sin30^{\circ}=1\left( \lambda \right)

                                \lambda =\frac{1}{10^{6}}\times \frac{1}{2}

                                \lambda=5\times 10^{-7}m

                                \lambda=500nm

ตอบ ความยาวคล่ืนมีค่าเท่ากับ 500nm

สรุปสูตรเกี่ยวกับแสงเชิงคล่ืน

สรุปสูตรเกี่ยวกับแสงเชิงคลื่น

ติว A-Level ฟิสิกส์กับ SmartMathPro

พี่ขอแนะนำตัวช่วยอย่าง คอร์สเตรียมสอบมหาลัยฯ ของ SmartMathPro เลยย มีให้เลือกมากมายทั้งสนาม TGAT / TPAT หรือ A-Level และสอนโดยติวเตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละวิชาด้วยไม่ว่าจะเป็น พี่ปั้น, อ.ขลุ่ย, พี่หมออู๋,
ครูกอล์ฟ, พี่ลัคกี้, พี่เกม GAT ENG COOL COOL, พี่ฟาร์ม

โดยในแต่ละคอร์สจะสอนปูพื้นฐานแบบละเอียด อิงตาม Test Blueprint ปีล่าสุด (ใครที่พื้นฐานไม่แน่นก็สามารถเรียนได้) พร้อมพาตะลุยโจทย์แบบไต่ระดับ ตั้งแต่โจทย์ซ้อมมือไปจนถึงข้อสอบเก่าหรือโจทย์ที่ใกล้เคียงกับข้อสอบจริง แถมยังแจกเทคนิคในการทำข้อสอบที่จะช่วยให้น้อง ๆ ทำข้อสอบได้เร็วขึ้นและช่วยเพิ่มโอกาสในการอัปคะแนนให้อีกด้วย สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่สมัครตอนนี้ รับฟรี Unseen Mock Test ชุดพิเศษ และสิทธิพิเศษต่าง ๆ ประจำเดือน ถ้าใครสนใจ คลิก เข้ามาดูรายละเอียดแต่ละคอร์สได้เลยยย

ตัวอย่างข้อสอบเรื่องแสงเชิงคล่ืน

แนวข้อสอบ A-Level ฟิสิกส์ ข้อที่ 1
เฉลยตัวอย่างแนวข้อสอบฟิสิกส์ (แสงเชิงคล่ืน)

วิธีทำ 
ขั้นตอนที่ 1 คำนวณหา \lambda _{1}

จากสมการ        d\sin\theta=\left(n-\frac{1}{2}\right)\lambda

จะได้                    d\sin\theta=\left(3-\frac{1}{2}\right)\lambda_{1} ; แถบมืดอันดับที่ 3(n=3)

ขั้นตอนที่ 2 คำนวณหา \lambda _{2}

จากสมการ       d\sin\theta=n\lambda

จะได้                   d\sin\theta =2\lambda_{2} ; แถบสว่างอันดับที่ 2(n=2)

ขั้นตอนที่ 3  คำนวณหา อัตราส่วนระหว่าง \lambda _{1} และ \lambda _{2}

เนื่องจาก แถบมืดอันดับที่ 3 ของแสง\lambda _{1}เกิดที่เดียวกับแถบสว่างอันดับที่ 2ของแสง \lambda _{2}

จะได้ \left ( 3-\frac{1}{2} \right )\lambda _{1}=2\lambda _{2}

                     2.5\lambda _{1}=2\lambda _{2}

จะได้                   \frac{\lambda_{1}}{\lambda_{2}}=\frac{2}{2.5}=\frac{4}{5}

ตอบ อัตราส่วนระหว่าง\lambda _{1} และ\lambda _{2}เป็น 4:5

แนวข้อสอบ A-Level ฟิสิกส์ ข้อที่ 2
เฉลยตัวอย่างแนวข้อสอบฟิสิกส์ (แสงเชิงคล่ืน)

วิธีทำ
ขั้นตอนที่ 1 คำนวณหา d
จากสมการ d=\frac{1}{N}

  เนื่องจาก N=2,500 ช่องต่อเซนติเมตร =\frac{2,500}{10^{-2}} ช่องต่อเมตร 
   จะได้           d=\frac{10^{-2}}{2,500}

ขั้นตอนที่ 2 คำนวณหา n
จากสมการ d\sin\theta =n\lambda

จะได้  \frac{10^{-2}}{2,500}\sin90^{\circ}=n(720\times10^{-9})

                                 n=\frac{10^{-2}}{2,500}\times \frac{1}{720\times 10^{-9}}=5.56

           ^{\ast } แถบสว่างสุดท้ายที่จะสามารถเห็นได้คือ แถบสว่างที่ 5(n=5)^{\ast }

ขั้นตอนที่ 3 คำนวณหา แถบสว่างบนฉากรับทั้งหมด

แถบสว่างบนฉากรับทั้งหมด 2n+1=2(5)+1=11

แนวการแทรกสอดแบบเสริม แสงเชิงคลื่น

แถบสว่างที่เกิดขึ้นบนฉาก

ตอบ ข้อ 5. 11

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ “สรุปเนื้อหาเรื่อง แสงเชิงคล่ืน ฟิสิกส์ ม.5” และแนวข้อสอบที่พี่นำมาฝากในวันนี้ แนะนำว่าถ้าใครอยากจะแม่นเนื้อหาเรื่องนี้ นอกจากก็อ่านเนื้อหาแล้ว ก็ควรฝึกทำแบบฝึกหัดหรือข้อสอบเก่าบ่อย ๆ ด้วยน้า

บทความ แนะนำ

บทความ แนะนำ

A-Level-ฟิสิกส์ ออกสอบอะไรบ้าง ?
A-Level ฟิสิกส์ 68 สอบอะไรบ้าง ? มีกี่ข้อ ? พร้อมตัวอย่างข้อสอบ
สรุปเนื้อหาฟิสิกส์เรื่องคลื่น ม.5
สรุป คลื่น ฟิสิกส์ ม.5 พร้อมโจทย์และเฉลยฟรี
สรุปเนื้อหาฟิสิกส์ ม.5 เรื่องไฟฟ้าสถิต
สรุป ไฟฟ้าสถิต ฟิสิกส์ ม.5 พร้อมโจทย์และเฉลยฟรี
สรุปเนื้อหาฟิสิกส์ ม.5 เสียง
เสียง ฟิสิกส์ ม.5 สรุปเนื้อหา พร้อมสูตรและตัวอย่างโจทย์
สรุปเนื้อหาฟิสิกส์ แรง ม.4
สรุป แรง ฟิสิกส์ ม.4 พร้อมแจกโจทย์และเฉลย - SmartMathPro

ทีมวิชาการฟิสิกส์

ผู้อยู่เบื้องหลังการจัดทำคอร์สเรียนร่วมกับพี่ติวเตอร์
และผู้เขียนบทความวิชาการฟิสิกส์ของสถาบัน SmartMathPro

ทีมวิชาการฟิสิกส์

ผู้อยู่เบื้องหลังการจัดทำคอร์สเรียนร่วมกับพี่ติวเตอร์
และผู้เขียนบทความวิชาการฟิสิกส์ของสถาบัน SmartMathPro

สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงติดตามข่าวสารต่าง ๆ ที่อัปเดตอย่างเรียลไทม์ ได้ที่

Line : @smartmathpronews

FB : Pan SmartMathPro ติวคณิต By พี่ปั้น 

IG : pan_smartmathpro

X : @PanSmartMathPro

Tiktok : @pan_smartmathpro

Lemon8 : @pan_smartmathpro

Share