คะแนน TGAT ประกาศเรียบร้อยแล้ววว ยินดีกับคนที่ได้คะแนนตามที่หวังด้วยน้าา ส่วนใครยังที่คะแนนยังไม่ถึงเป้า ก็อย่าเพิ่งท้อน้าา เพราะจริง ๆ แล้วคะแนนของน้อง ๆ อาจจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของประเทศก็ได้~
วันนี้พี่ก็เลยจะมาวิเคราะห์จากสถิติที่ทางทปอ. ได้ประกาศออกมาว่าแนวโน้มคะแนนแต่ละวิชาเป็นอย่างไรบ้าง ? จะเฟ้อขึ้นหรือฝืดลงมากน้อยแค่ไหน ? ถ้าได้คะแนนเท่านี้จะอยู่กลุ่มไหนของประเทศ ? ไปดูพร้อม ๆ กันเลยยย
สนใจหัวข้อไหน ... กดอ่านเลย
Toggleวิธีการดูใบคะแนน
คะแนนเฉลี่ย (Mean)
ค่าที่นำคะแนนที่ทุกคนสอบได้ในรายวิชานั้นมารวมกันทั้งหมด แล้วหารด้วยจำนวนผู้เข้าสอบในรายวิชานั้นทั้งหมด
มัธยฐาน (Median)
ค่าคะแนนที่มีตำแหน่งอยู่กึ่งกลางของข้อมูลทั้งหมด เมื่อเรียบเรียงข้อมูลจากคะแนนน้อยที่สุดไปหาคะแนนมากที่สุด หรือจากคะแนนที่มากที่สุดไปหาคะแนนที่น้อยที่สุด
ฐานนิยม (Mode)
คะแนนที่มีจำนวนคนสอบได้คะแนนนี้เยอะที่สุด
เปอร์เซ็นไทล์ (Percentile)
ตำแหน่งของข้อมูลที่แสดงให้รู้ว่าน้องอยู่ตำแหน่งใดเมื่อนำคะแนนของผู้เข้าสอบทุกคนมาเรียงจากน้อยไปมาก โดยนำไปเทียบกับ 100
ค่าเปอร์เซ็นไทล์จะเรียงลำดับคะแนนจากน้อยไปมาก คนที่ได้คะแนนมาก ค่านี้ก็จะมากตามไปด้วย ดังนั้นถ้ามีเยอะก็จะยิ่งดีน้า เพราะจะบอกตำแหน่งว่าเราอยู่เหนือกว่าคู่แข่ง กี่ % ของคนทั้งหมด
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D)
คือ ค่าที่ทำให้เห็นการกระจายตัวคะแนนสอบในรายวิชานั้นของผู้สอบทั้งหมด ถ้ายิ่งน้อย แปลว่า คะแนนเกาะกลุ่มอยู่ที่ค่าเฉลี่ย แต่ถ้ายิ่งมาก แปลว่า คะแนนกระจายตัวห่างจากค่าเฉลี่ยมาก ซึ่งปีนี้ไม่ได้ต่างจากปีที่แล้วมาก
ค่ามาตรฐาน (T-score)
นำคะแนนที่น้อง ๆ ได้มาผ่านการแปลงทางสถิติตามสูตรคำนวณ จะได้เป็นคะแนนมาตรฐาน หรือ T-score เป็นคะแนนที่ถูกปรับคะแนนค่าเฉลี่ยให้มาอยู่ตรงกลาง (50 คะแนน)
บางคณะ / มหาลัยฯ ก็กำหนด T-score เป็นคะแนนขั้นต่ำ หรือเอาไปคำนวณสำหรับยื่นรอบ 3
- ได้ต่ำกว่า 50 = ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
- ได้สูงกว่า 50 = สูงกว่าค่าเฉลี่ย
คะแนนปีนี้เฟ้อ หรือ ฝืด
คะแนนปีนี้เฟ้อกว่าปีที่แล้วประมาณ 3 คะแนน (ถือว่าไม่ได้เยอะมาก) เพราะปี 67 มีคนทำคะแนนได้สูงขึ้นกว่าปี 66 ถึงแม้คะแนนจะเฟ้อ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยื่นไม่ติดน้า เพราะต้องดูสัดส่วนคะแนนสนามอื่นด้วย ทั้ง TPAT และ A-Level
สถิติคะแนนการสอบ TGAT / TPAT ปี 66 เทียบกับ ปี 67
6 ปัจจัยที่จะใช้ตัดสินว่า ยื่นติด / ยื่นไม่ติด
1. สถิติภาพรวมคะแนนแต่ละวิชา (เฟ้อ / ฝืด)
2. การกระจายตัวคะแนนของกลุ่มนักเรียน
3. จำนวนรับของคณะ / มหาวิทยาลัยที่แตกต่างกันในแต่ละปี
4. เกณฑ์ / วิธีการประมวลผลของแต่ละสถาบัน
5. ความสนใจในคณะ / มหาวิทยาลัยนั้น ๆ
6. การปั่น / การสร้างจิตวิทยา / ความกล้าเลือก / ข้อมูลที่มีในมือ
(ส่งผลต่อจำนวนคนยื่นในคณะนั้น ๆ )
วิธีการคำนวณคะแนนเบื้องต้น
วิธีที่ 1
- เช็กสัดส่วนคะแนนที่ต้องใช้ยื่น
- หาค่าเฉลี่ยคะแนนที่ใช้ยื่น
– ค่าเฉลี่ยใหม่ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งวิธีคิด คือ เอาปี 67 – ปี 66
– ค่าเฉลี่ย ทปอ. (ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ) - เอาค่าเฉลี่ยที่ได้ ไป + กับคะแนนต่ำสุด / สูงสุดของปีที่แล้ว
– คะแนนต่ำสุด : เอาค่าเฉลี่ยจากทปอ. ไป +
– คะแนนสูงสุด : เอาค่าเฉลี่ยใหม่ ไป + - จากนั้นน้องจะได้ช่วงคะแนนว่าได้เท่าไหร่ ถึงจะ safe
วิธีที่ 2
- เช็กสัดส่วนคะแนนที่ต้องใช้ยื่น
- หาค่าเฉลี่ยทปอ. สนามที่น้องต้องใช้ยื่น
- เอาไปคูณกับสัดส่วนคะแนน แล้วนำแต่ละสนามมา + กัน
- เอาผลรวมที่ได้ไป + กับคะแนนขั้นต่ำปีที่แล้ว
หมายเหตุ : คะแนน A-Level ให้ลองเอาคะแนนภาพรวมปีที่แล้วมาใช้ก่อนได้
วิธีคิดคะแนนที่พี่เอามาฝากน้อง ๆ วันนี้เป็นแค่วิธีเบื้องต้นเท่านั้นน้าา อาจจะไม่ได้มีวิธีแบบละเอียดหรือตัวอย่างให้เท่าไร ถ้าใครอยากลองคำนวณจริงจัง เอาคะแนน A-Level มาคิดด้วย แต่อ่านวิธีคำนวณเบื้องต้นแล้วไม่เข้าใจ พี่ก็มีบทความที่สอนคิดคะแนนรอบ 3 ด้วยน้า คลิกเล้ยย >> คิดคะแนน รอบ 3 แบบง่าย ๆ ใช้ได้ทุกเกณฑ์มหาลัยฯ
ดูคลิปวิเคราะห์คะแนน TGAT 67
ดูคลิปแนะแนวอื่น ๆ ได้ที่ Youtube : SmartMathPro
อันนี้เป็นการวิเคราะห์คะแนน TGAT 2 และ TGAT 3 จากพี่เองน้าา ซึ่งมันก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ทุกคนสอบติด เช่น GPAX, จำนวนคนสมัครในคณะนั้น ๆ หรือ คะแนน A-Level เป็นต้น และอย่างที่พี่บอกไปตั้งแต่ต้นเลยว่า ถ้าใครที่คะแนนไม่เยอะ ก็ยังไม่อยากให้ท้อน้า ลองสู้อีกสักตั้ง เรียนรู้ข้อผิดพลาดจากสนามที่ผ่านมา ฟิตสนาม A-Level ดูก่อน อาจจะได้คะแนนปัง จนสอบติดคณะที่หวังเลยก็ได้ !!
บทความ แนะนำ
บทความ แนะนำ
สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงติดตามข่าวสารต่าง ๆ ที่อัปเดตอย่างเรียลไทม์ ได้ที่
Line : @smartmathpronews
FB : Pan SmartMathPro ติวคณิต By พี่ปั้น
IG : pan_smartmathpro
X : @PanSmartMathPro
Tiktok : @pan_smartmathpro